HoonSmart.com>> “เมืองไทย แคปปิตอล” ปี 62 กำไร 4,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% สินเชื่อโตตามเป้า 25.4% กวาดรายได้ 12,688 ล้านบาท เพิ่ม 22% จากปีก่อน ด้านหนี้เสียลดลง มั่นใจผลงานปี 63 แกร่งได้อานิสงส์ดอกเบี้ยต่ำ บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.30 บาท/หุ้น ขึ้น XD 29 เม.ย.นี้ จ่ายเงิน 15 พ.ค.63 ลุยเพิ่มทุน “เมืองไทย ลิสซิ่ง” 480 ล้านบาท ใช้หมุนเวียนกิจการ
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 กำไรสุทธิ 4,237.47 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.00 บาท เพิ่มขึ้น 14.11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,713.38 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.75 บาท
บริษัทมีรายได้รวมในปี 2562 จำนวน 12,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,272 ล้านบาท หรือ 21.81% จากงวดปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวม 5,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,179 ล้านบาท หรือ 25.14% เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในการบริการและบริหารจำนวน 5,314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,214 ล้านบาท หรือ 29.61% โดยหลักเป็นค่าใช้จ่ายค่าเช่าและเงินเดือนพนักงาน เนื่องมาจากการขยายสาขาและบุคลากรประจำสาขา
ส่วนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลง 32 ล้านบาท หรือ 5.46% เหลือ 554 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้เสียลดลงอยู่ที่ 1.03% จากปี 2561 อยู่ที่ 1.12 เนื่องมาจากการติดตามหนี้และการควบคุมกระบวนการปล่อยสินเชื่อ
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 18 ก.พ.2563 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงวดวันที่ 1 ม.ค.2562-31 ธ.ค.2562 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลวันที่ 30 เม.ย.2563 ขึ้น XD วันที่ 29 เม.ย.2563 และจ่ายเงินวันที่ 15 พ.ค. 2563
พร้อมกันนี้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจากเดิม 20 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท โดยเพิ่มทุน 480 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 4.80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท เมืองไทย ลิ่งซิ่ง
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร MTC เปิดเผยว่า ปี 2562 พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 60,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,206 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 25.4% ตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ โดยมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 4,107 สาขา จาก 3,279 สาขาในปี 2561
“ผลการดำเนินงานในปี 2562 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พอร์ตสินเชื่อ รายได้ กำไร สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดสาขาเพิ่ม ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญนับตั้งแต่ MTC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ MTC Model ซึ่งทำให้สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับต่ำ เพียง 1.03% เมื่อเทียบกับสินเชื่อรวม ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าอุตสาหกรรม”นายชูชาติ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ ยังคงอยู่ในแผนกลยุทธ์ระยะกลางที่ 2 ซึ่งตั้งเป้าหมายการเติบโตผ่านการเปิดสาขา ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 600 แห่ง ในปีนี้ ทำให้จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 4,700 สาขา และบริษัทจะประกาศแผนกลยุทธ์ 3 ปีถัดไป (2564-2566) ในช่วงกลางปีนี้
ประธานกรรมการบริหาร MTC กล่าวอีกว่า ในปี 2563 นี้ จะเป็นปีที่บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยกลยุทธ์ในการรักษาสมดุลการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อและคุณภาพของสินทรัพย์ควบคู่กัน นอกจากนั้น บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้ จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีอย่างไม่มีสาระสำคัญ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 77.00 บาท หลังบริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2562 ที่ 1,131 ล้านบาท (+13% YoY, +5% QoQ) ใกล้เคียงกับที่บล.เคทีบีและตลาดคาด จากสินเชื่อขยายตัวที่ +26% YoY, +5% QoQ ตามสาขาที่เพิ่มขึ้น ณ สิ้น 4Q19 อยู่ที่ 4,107 แห่ง ทั้งนี้ loan/branch ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 14.69 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของรากหญ้าที่เพิ่มขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งนี้เราคงกำไรสุทธิปี 2020E ที่ 5.7 พันล้านบาท (+57% YoY) หนุนโดยจำนวนสาขาที่จะเปิดเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 พันแห่ง
“ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น และ outperform SET +9%/+16% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากผลการดำเนินงานที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. 2 ครั้งในช่วงเดือน พ.ย. และต้น ก.พ. ที่ผ่านมา และ rating ที่ดีขึ้นเป็น BBB+ ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน เทรดที่พี/อี ปี 2563 ที่ 24.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 30.8 เท่า และเราคาดว่า กนง. มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้หากเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนหุ้นกู้สูงถึง 25% ที่จะครบกำหนดในปีนี้ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทจะปรับลดลงจากปีก่อน”บล.เคทีบี ระบุ