HoonSmart.com>>ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ครบรอบ 26 ปี ยันเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการ ส่งออก-ลงทุนยังต่างประเทศ พัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันของไทย ส่วนสถานการณ์ความเสี่ยงในปีนี้ พร้อมดูแลเต็มที่ มีมาตรการดูแลผลกระทบระยะสั้น ผลประกอบการปี 62 จบสวยงาม กำไร 507 ล้านบาท สินเชื่อคงค้าง 121,868 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดดำเนินการ
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธนาคารฯครบรอบการดำเนินงานมา 26 ปี โดยยังคงมีนโยบายในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยออกไปส่งออกและลงทุนยังต่างประเทศ ทั้งลูกค้าที่เป็น SMEs และรายใหญ่ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และสนองนโยบายของรัฐบาล ในการสนับสนุนการลงทุนใน EEC และพัฒนาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ S-curve เพื่อสร้างฐานการผลิตด้านนวัตกรรมของประเทศ ในปี 2563 ภาวะไม่ปกติ ไม่เน้นการเติบโตมากนัก กำลังทบทวนว่าปรับลดเป้าหมายลงอย่างไร จากที่ตั้งไว้ว่าจะโต 7-8% ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2558-2562) จำนวนลูกค้ามีการเติบโตเฉลี่ย 24.6% โดยเฉพาะ SMEs เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 26.3%
สำหรับในปี 2563 ผู้ประกอบการไทยเผชิญความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ และความยากลำบาก ดังนั้น ในระยะสั้น ธนาคารได้มีมาตรการต่างเพื่อเยียวยาผลกระทบระยะสั้น ให้แก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย สนับสนุนเครื่องมือทางการเงิน ทั้งสินเชื่อและประกันความเสี่ยงด้านการค้าและการลงทุน และคุ้มครองความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งโปรแกรมสินเชื่อพิเศษ และมาตรการต่าง ๆ
ส่วนระยะยาว EXIM BANK มีบริการทางการเงินที่จะช่วยผู้ประกอบการไทยปรับสมดุลโครงสร้างการส่งออกและนำเข้าของไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ควบคู่กับการให้ข้อมูลข่าวสาร และจัดโครงการอบรมบ่มเพาะผู้ประกอบการผ่านศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า (EXAC) เพื่อร่วมผลักดันให้ส่งออกในปี 2563 พลิกกลับมาโตเป็นบวกได้
” สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำคือ รับมือให้ทันและไม่หยุดการรุกตลาดการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมี EXIM BANK อยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุนให้ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคงและไม่สะดุด นักธุรกิจต้องวางแผนระยะยาวที่จะแข่งขันให้ได้ในเชิงคุณภาพ โดยใช้โอกาสเงินบาทแข็งค่านี้ลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ” นายพิศิษฐ์กล่าว
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2562 นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ธนาคารมีสินเชื่อคงค้าง 121,868 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดดำเนินการ เพิ่มขึ้น 13,279 ล้านบาทหรือ 12.23% จากปีก่อน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 38,900 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 82,968 ล้านบาท ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ 197,106 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 106,749 ล้านบาท คิดเป็น 54.16% โดยสินเชื่อคงค้าง SMEs เท่ากับ 43,123 ล้านบาท ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs Ratio) อยู่ที่ 4.60% โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 5,606 ล้านบาท และมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 11,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,787 ล้านบาท เป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 7,804 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกัน 143.15% ทำให้ EXIM BANK ยังคงดำรงฐานะการเงินที่มั่นคง
ส่วนผลการดำเนินงานด้านประกันการส่งออกและการลงทุนของ EXIM BANK ในปี 2562 มีปริมาณธุรกิจสะสม 121,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28,924 ล้านบาท โดยเป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs จำนวน 22,592 ล้านบาท หรือ 18.61% ของปริมาณธุรกิจสะสมรวม นอกจากนี้มีวงเงินที่ให้การสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 92,367 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อคงค้างจำนวน 47,454 ล้านบาท รวมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 30,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,333 ล้านบาท
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า สำนักงานผู้แทนในย่างกุ้ง เวียงจันทน์ และพนมเปญได้เปิดดำเนินงานและทำงานร่วมกับทีมไทยแลนด์ นำโดยเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการเปิดสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในเวียดนามต่อไป