ก.ล.ต. ยืนยัน มิ.ย. นี้ ออกประกาศเกณฑ์กำกับสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แน่

ก.ล.ต. เผยแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ยืนยัน มิ.ย. นี้ ออกประกาศได้แน่นอน ยอมรับยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ย้ำชัดรายย่อยซื้อ ICO ได้ไม่เกิน 3 แสนบาทต่อดีล ออก Ultility Token ไม่ต้องขออนุญาต ภาคธุรกิจประมาณ 10 รายสนใจทำธุรกิจนี้ ลุ้นธปท.ผ่อนเกณฑ์ให้แบงก์ทำธุรกรรมได้

ทิพยสุดา ถาวรามร

คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นชอบแนวทางกำกับดูแลการออกไอซีโอ และการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล โดยคาดว่าจะออกประกาศที่เกี่ยวข้องได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้

แนวทางที่เสนอได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนในหลายช่องทาง ทั้งทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง (focus group)

หลักเกณฑ์ที่จะออกมานี้จะช่วยให้มีความชัดเจนสำหรับผู้ต้องการออกไอซีโอ ตัวกลางที่เกี่ยวข้อง และผู้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และช่วยลดโอกาสที่ประชาชนจะถูกหลอกลวงหรือถูกเอาเปรียบ รวมทั้งช่วยให้ภาครัฐมีเครื่องมือในการติดตามและป้องปรามการฟอกเงิน

ผู้ที่จะออกไอซีโอ ต้องเป็นบริษัทตามกฎหมายไทยที่มีแผนธุรกิจชัดเจน มีงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบที่ได้รับอนุญาต ข้อกำหนดสิทธิของผู้ถือโทเคนดิจิทัลต้องชัดเจน มีการเปิดเผยชุดรหัสทางคอมพิวเตอร์สำหรับใช้ในกระบวนการไอซีโอ (ซอร์สโค้ด) มีหนังสือชี้ชวน และมีการรายงานความคืบหน้าของโครงการและการใช้เงินเป็นระยะ ทั้งนี้ การเสนอขายต้องทำผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ไอซีโอพอร์ทัล) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งไอซีโอพอร์ทัลจะทำหน้าที่คัดกรองโครงการและทำความรู้จักตัวตนและสถานะผู้ลงทุน ตลอดจนประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน

การออกไอซีโอแต่ละครั้งสามารถขายให้ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กิจการร่วมลงทุนได้ไม่จำกัด และขายผู้ลงทุนรายย่อยได้รายละไม่เกิน 3 แสนบาท/ดีล แต่ไม่จำกัดจำนวนดีล นอกจากนี้วงเงินรวมที่ขายผู้ลงทุนรายย่อย ต้องไม่เกิน 4 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น หรือไม่เกิน 70% ของมูลค่าที่เสนอขายทั้งหมด แล้วแต่มูลค่าใดสูงกว่า

ศูนย์กลางซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่าที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด อาทิ ศูนย์กลางซื้อขายที่จำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินลูกค้าได้เอง ทุนชำระแล้ว 50 ล้านบาท ส่วนนายหน้ามีทุนชำระแล้ว 25 ล้านบาท ทั้งนี้ สินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำมาซื้อขายในศูนย์ซื้อขาย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.

การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ ในศูนย์ซื้อขายต้องเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินบาทหรือคริปโทเคอร์เรนซีในรายชื่อที่ประกาศกำหนดเท่านั้น ในช่วงเริ่มต้นมี 7 สกุล ได้แก่ Bitcoin,Bitcoin Cash , Ethereum ,Ethereum Classic,Liteccoin,Ripple,Stellar ในอนาคตจะมีการทบทวนเป็นระยะ พิจารณาจากสภาพคล่องได้รับความนิยมแลกเปลี่ยนเงินได้ 2-3 สกุล

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ให้ความเห็นชอบในการออกประกาศยกเว้นโทเคนดิจิทัลที่กำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการที่เฉพาะเจาะจง (utility token) ซึ่งผู้ถือสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที ออกจากการกำกับดูแลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน นอกจากนี้ ผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่เทียบกับเงินบาท หรือให้บริการแลกเปลี่ยนระหว่าง utility token ด้วยกันที่ให้สิทธิประโยชน์เฉพาะในลักษณะเดียวกัน เช่น ระหว่างเหรียญในเกมส์หรือ แต้มสะสมคะแนนแลกสินค้าหรือบริการ ไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้ พ.ร.ก. นี้

นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “หลักเกณฑ์ที่ออกมานี้ ได้พยายามหาจุดสมดุลระหว่างการสนับสนุนนวัตกรรม และการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยได้นำความเห็นจากทุกฝ่ายมาพิจารณา เกณฑ์ที่ออกมา อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้จากของจริงไปด้วยกันระหว่างทางการและภาคธุรกิจ”

นอกจากนี้การมีกลไกการคุ้มครองผู้ลงทุนในตลาดแรก เพื่อให้คนแน่ใจการระดมทุนทำอย่างดีที่สุด ไม่มีการยักยอก ทุจริต หรือบิดเบือน แต่ไม่พูดถึงความสำเร็จ เพราะช่วยไม่ได้ หากไม่สำเร็จ ต่างจากวันนี้ที่ซื้อขายแล้วไม่สนใจว่าจะสำเร็จหรือไม่

ทั้งนี้ ไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่มีหลักเกณฑ์นี้ออมาเป็นแนวทางชัดเจน รัสเซียกำลังจะออก ในต่างประเทศใช้อ้างอิงหลักเกณฑ์หลักทรัพย์
นอกจากนั้นการมีแนวทางชัดเจน และจากการหารือร่วมกันของหลายหน่วยงาน คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะผ่อนคลายประกาศ เปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์ ทำธุรกรรมนี้ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู้กับการพิจารณาของธปท. ที่ผ่านมาห้ามธนาคารพาณิชย์ทำเพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโดยรวม ส่วนเรื่องภาษี รอให้มีการเว้นภาษีภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อซื้อขายในตลาดที่ได้รับการอนุญาตจากก.ล.ต.แล้ว

ตอนนี้มีคนสนใจธุรกิจนี้ประมาณ 10 รายบวกลบ ในจำนวนนี้ ประมาณ 50% สนใจเป็นศูนย์กลางซื้อขายมากที่สุด แต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่มีการติดต่อเข้ามา