HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว ไทยบวกแรง 15.91 จุด ท่ามกลางปัจจัยบวกมากกว่าลบ ผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนชะลอ โรงงานกลับมาผลิต หวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนชุดใหญ่ หนุนราคาน้ำมัน โภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น ค่าการกลั่น ดีบีเอสฯแนะหุ้นพื้นฐานดี ปันผลสูง บล.เอเซียพลัสชวนเลือกซื้อหุ้นที่ราคาร่วงลงแรงเกินไป ชอบนิคมฯ เชียร์ WHA บล.เคจีไอ ยกรับเหมาฯ STEC กำไรไตรมาส 4 เด่นกว่า CK ขาดทุน
ตลาดหุ้นไทยวันที่ 12 ก.พ. 2563 ปรับตัวขึ้นตามต่างประเทศ ดัชนีปิดที่ระดับ 1,539.84 จุด +15.91 หรือ+1.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54,814.18 ล้านบาท นับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ราคาหุ้นในหลายกลุ่มปรับตัวขึ้น ขณะที่ดาวโจนส์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันพลิกมาบวก
บล.กสิกรไทยวิเคราะห์หุ้น ดัชนีหุ้นรีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคหลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนชะลอตัวลง คาดว่าจะขึ้นสูงสุดในเร็วๆนี้ ตลาดให้น้ำหนักมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและจะมากขึ้นในช่วงเดือนมี.ค. ตลาดยังให้ความสนใจพัฒนาการการค้าสหรัฐฯ-จีนที่เป็นบวกมากขึ้น จึงมีแรงซื้อคืนหุ้นในกลุ่ม global play ขณะที่กลุ่มสื่อสาร เพิ่มขึ้นยกเว้น DTAC ตลาดประเมินว่าหาก DTAC ไม่เข้าประมูลคลื่น 2600 MHz จริงจะทำให้การประมูลราคาวันที่ 16 ก.พ.นี้ไม่รุนแรง
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ บล.กสิกรไทยยังแนะนำถือกลุ่มบริหารหนี้อย่าง BAM, JMT, CHAYO และทยอยสะสมกลุ่มก่อสร้าง STEC และพลังงาน/ปิโตรฯ PTTEP, PTTGC, TOP
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ ว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ที่จีนเพิ่มในอัตราที่ชะลอวันที่ 10 ก.พ. ทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น ทั้งราคาน้ำมันดิบ ดาวโจนส์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีบวกและลบ นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ทำให้ทองคำและราคาพันธบัตรปรับตัวลง นอกจากนี้ในวันที่ 13 ก.พ.2563 ประชุมสภาฯโหวตวาระ 2-3ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ใหม่ ด้านปัจจัยลบคือ การค้าเฟสแรก จีน-สหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากไวรัสคือ จีนนำเข้าสินค้าสหรัฐได้น้อย
“กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น- การเก็งกำไร เข้าไวออกไว ส่วนระยะกลาง-ยาว เลือกลงทุนทยอยสะสมหุ้นแบบถอยรับเป็นระยะๆ ในหุ้นพื้นฐานดี และปันผลสูง หุ้นพื้นฐานดีที่แนะนำ ซื้อ คือ AOT,ADVANC,CPALL,CHG,CPN,CK,KKP,TISCO,PTTEP,AP,LH “บล.ดีบีเอสฯระบุ
นอกจากนี้บริษัทฮอนด้า มอเตอร์ เตรียมฟื้นการผลิตรถในจีน วันที่ 17 ก.พ.นี้ แม้คาดว่าจะยังเปิดการผลิตไม่ได้ แต่จะส่งผลดีต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องรวมถึงกลุ่มยานยนต์ แนะ สะสมหุ้นKCE, DELTA, HANA จังหวะราคาหุ้นอ่อนตัวในช่วงนี้
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) แจ้งว่า บริษัทย่อยในจีน จำเป็นต้องให้พนักงานทุกคนที่กลับมาทำงานในวันที่ 10 ก.พ. 2563 ที่มาจากจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่อยู่ในเมืองเจียซิง ที่โรงงานตั้งอยู่นั้น จะต้องถูกกักบริเวณเป็นเวลา 14 วัน บริษัทประเมินว่าในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากเริ่มเปิดดำเนินงานแล้วนั้น ทางโรงงานสามารถดำเนินการผลิตได้ไม่เกิน 30% ของกำลังการผลิต และคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยอีก 4-5 สัปดาห์จนกว่ายอดการผลิตจะอยู่กลับมาอยู่ในระดับปกติ
บล.เอเซียพลัสว่า ในช่วงที่หุ้นปรับตัวลงมามาก 3.5% พบว่ามีกลุ่มหุ้นที่ปรับฐานแรงกว่า คือ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ลดลง 13.2% กลุ่มท่องเที่ยว ลดลง 13% และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ลดลง 8.6% สังเกตได้ว่าหุ้นหลายๆ กลุ่ม ปรับฐานลงมาแรงกว่าปัจจัยพื้นฐานมากเกินไป จึงมีโอกาสที่จะดีดกลับสูง แต่แนะนำเฉพาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ชื่นชอบ WHA มากที่สุด ให้ราคาเป้าหมาย 4.89 บาท ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีปัจจัยคลุมเครือจากการควบคุมค่าธรรมเนียม โดย ธปท.
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดกำลังติดตามการประชุมรัฐสภาในวันที่13 ก.พ. ซึ่งจะมีการลงมติวาระ 2 และ 3 ของ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ส่งผลให้หุ้นที่เชื่อมโยงกับงบประมาณภาครัฐฯ ยังคงโดดเด่นกว่าตลาดต่อไป เก็งกำไร STEC ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลงาน STEC ในไตรมาส 4/2562 มีกำไร 337 ล้านบาท จะเด่นกว่า CK ที่ขาดทุน 49 ล้านบาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน วิเคราะห์ว่า นโยบายการคลังจะเป็นกระสุนนัดสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโลกเพิ่มเติม ส่งผลให้เศรษฐกิจจขยายตัว 3.1%ก่อนจะเร่งขึ้นสู่ 3.3% ในปีหน้า ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยรวมถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปีผ่านเร็วๆนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้น รวมทั้งปีเติบโต 2.7% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของตลาดอยู่ที่ 103.5บาท/หุ้น เติบโตราว 10.3% ตั้งเป้าหมายดัชนีหุ้นสิ้นปีที่ 1734จุด ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะถุกปรับขึ้นอันดับเครดิตโดยบริษัทจัดอันดับชั้นนำ ทั้ง Fitch, Moody’s และ S&P ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นช่วง เม.ย.-ก.ค. สถิติที่ผ่านมา การปรับขึ้นเครดิตในปี 2003 และ 2004 ดัชนีหุ้น จะแกว่งบวก 16%-14% ซึ่งอาจเป็นแรงหนุนเงินทุนไหลเข้ามาขับเคลื่อนดัชนีได้ดีกว่าคาด
ส่วนธีมการลงทุนในปี 2563 บล.โนมูระ พัฒนสินแนะนำเพิ่มน้ำหนัก กลุ่มอิงวงจรเศรษฐกิจ(Cyclical) เนื่องจากได้ประโยชน์สัญญาณเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และ CRB Index ดัชนีชี้นำราคาโภคภัณฑ์มีสัญญาณต่ำสุด ได้แก่ พลังงาน-ปิโตรเคมี ส่งออกชิ้นส่วนฯ(วงจรเทคโนโลยีพ้นจุดต่ำสุด +5G), กลุ่มส่งออกอาหารและเกษตร จากแรงหนุนของความต้องการโลกที่ฟื้นตัวตามประชากรและสภาพอากาศผันผวน/ภาวะโรคระบาดกดดัน ปริมาณ, กลุ่มสื่อสาร ได้ ประโยชน์จาก 5G, กลุ่มท่องเที่ยว-กลุ่มโรงพยาบาลฟื้นตัวรับ Global Wealth Effect และฐานต่ำ, กลุ่มธนาคาร ธีมมูลค่าถูก และเศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุด จึงแนะนำ หุ้น ADVANC, AOT, BBL, BDMS, CPF, PTT, PTTGC, SCC, TVO, WHA