ECF กางเป้ารายได้ไม่ต่ำ1.6พันล.-จ่อรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า “มินบู”ปีนี้

ECF ตั้งเป้าปีนี้รายได้แตะ 1.6 พันล้านบาท โตจากปีก่อน 12% มั่นใจยอดขายเฟอร์นิเจอร์โตต่อเนื่อง คาดรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า “มินบู” ปีนี้

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,498 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-12 % และรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 5-6 % โดยบริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนสำหรับก่อสร้างคลังสินค้าใหม่ และนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิต เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงอย่างต่อเนื่อง

“กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการหาแนวทางสร้างกำไร ลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการให้ลดลง”นายอารักษ์กล่าว

อารักษ์ สุขสวัสดิ์

นายอารักษ์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะขยายฐานลูกค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยจะใช้แบรนด์ COSTA ในการรุกตลาด ผ่านช่องทางร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาค และบริษัทจะสร้างการเติบโตของยอดขายจากออร์เดอร์ที่มากขึ้นตามการขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรด ขณะที่ตลาดต่างประเทศบริษัทยังคงได้รับออเดอร์จากลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มประเทศ AEC เพิ่มขึ้นที่ 10% จากเดิม 5%

สำหรับธุรกิจพลังงาน จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ชัดเจนขึ้น โดยในส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ จ.นราธิวาส ได้เริ่ม COD และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/60 จำนวน 6.7 ล้านบาท ไตรมาส 4/60 ที่ผ่านมา จำนวน 8.8 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง จ.แพร่ คาดว่าจะ COD ได้ในเดือน เม.ย. 61 และ ธ.ค. 61 ตามลำดับ

ขณะที่ในส่วนโครงการโรงไฟฟ้ามินบู ขนาด 220MW ประเทศเมียนมาร์ จะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้ด้วย โดยขณะนี้ บริษัทฯได้นำเข้าแผงโซลาร์เซลล์ 50 MW แรกครบแล้ว โดยอยู่ระหว่างรอการติดตั้ง และเมื่อก่อสร้างเฟส 1 แล้วเสร็จ จะดำเนินการก่อสร้างเฟส 2 ต่อทันที นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีกหลายโครงการ

“บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน ทั้งรายได้จากธุรกิจหลักผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ คาดว่าจะเติบโตที่ 10-12 % ประกอบกับรายได้ต่าง ๆ ที่จะทยอยรับรู้ในปีนี้จากบริษัทย่อย บริษัทร่วม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายอารักษ์ กล่าว

นายอารักษ์ กล่าวว่า บริษัทได้กำหนดแผนธุรกิจ 3 ปี (2561-2563) ตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 10-12% โดยคาดว่าในปี 2563 บริษัทจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และมีสัดส่วนกำไร แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ เฟอร์นิเจอร์ 35% ธุรกิจพลังงาน 35% % บริษัทย่อย Planet Board 30% ซึ่งขณะนี้ Planet Board ที่บริษัทเข้าถือหุ้น 57% อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนและเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ และไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด