ก.ล.ต.สั่งปรับกลุ่มบุคคล 7 ราย รวมกว่า 120 ล้านบาท เหตุสร้างราคาหุ้น ABC (ชื่อใหม่ DIGI) ตั้งแต่ 22 พ.ค.2557-30 มิ.ย.2557 พร้อมสั่งห้าม “ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์” เป็นกรรมการผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผย การดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกรณีสร้างราคาหลักทรัพย์บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) (ABC) (ปัจจุบันคือ บริษัท ดิจิตอลเทค แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) (DIGI)) ซึ่งมีผู้กระทำผิด 7 ราย ได้แก่ (1) นายสาธิต รุ่งวัฒนภักดิ์ (2) นายชวิน รุ่งวัฒนภักดิ์ (3) นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ (4) นางสาวธัญภา เศวตศิลป (5) นางสาวโสรจ จันทราทิพย์ (6) นางสาวอัยย์ริณ ตั้งพูลเจริญ (7) นางสาลิกา ตั้งพูลเจริญ โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวมกว่า 120 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงตรวจสอบพบว่า ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 หุ้น ABC มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาปิดเพิ่มสูงขึ้นจากหุ้นละ 2.38 บาท เป็นราคา 7.80 บาท ตลอดจนมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาก โดยจากต้นปี 2557 ประมาณ 3 หมื่นหุ้นต่อวัน เป็นประมาณ 6 แสนกว่าหุ้นต่อวัน
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากกลุ่มบุคคล 7 รายข้างต้นได้มีการดำเนินการอย่างเป็นกระบวนการ โดยพบว่า นายสาธิตมีบทบาทเป็นแหล่งเงินผ่านนางสาวธัญภาไปให้นายปรเมษฐ์ซื้อหุ้น ABC และถือครองไว้แทนนายสาธิต ต่อมาใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวโสรจเคาะซื้อผลักดันราคาหุ้น ABC และในระหว่างนั้น นายปรเมษฐ์ได้ขายหุ้น ABC แบบ Big Lot ให้กับนายสาธิต นายชวิน นางสาวอัยย์ริณ และนางสาลิกา เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าใจว่าหุ้น ABC มีการซื้อหรือขายกันมาก และเมื่อมีผู้ลงทุนหลงผิดเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว กลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ได้ขายหุ้นและทำกำไรจากส่วนต่างของราคาที่ปรับสูงขึ้น ทำให้มีผู้ลงทุนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
การกระทำของบุคคลทั้ง 7 รายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 243(1) ประกอบมาตรา 244 และมาตรา 243(2) และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันการกระทำความผิดดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 ราย ด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 7 ราย ชำระค่าปรับทางแพ่ง ซึ่งพิจารณาจากผลประโยชน์ที่ผู้กระทำความผิดแต่ละรายได้รับ และผู้กระทำความผิดรายนายปรเมษฐ์ได้ทำบันทึกยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งและชำระค่าปรับทางแพ่ง 500,000 บาทแล้ว* สำหรับผู้กระทำความผิดอีก 6 ราย นัดหมายจะมาลงนามในบันทึกยินยอมและชำระค่าปรับทางแพ่ง ซึ่งหากบุคคลใดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่งต่อไป
นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามนายปรเมษฐ์เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน เป็นเวลา 3 ปี