KBANK มุ่งดิจิทัล-แบงก์ภูมิภาค ผนึกพันธมิตร-3ปีทุ่มลงทุนเกิน 1.7 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>ธนาคารกสิกรไทยมองเห็นโอกาสโตในโลกกว้าง ประกาศยุทธศาสตร์สร้างความยั่งยืน จัดการความเสี่ยงเชิงรุก พาลูกค้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ผนึกพลังพันธมิตรทั่วโลกพัฒนาแพลตฟอร์มทื่มีประสิทธิภาพ ส่วนปี 63 ยืนเป้าหมายทางการเงิน สินเชื่อโต 4-6% เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ รายย่อยโต9-11% เพิ่มผลตอบแทน แทนค่าธรรมเนียมที่ลดลง NPLs เพิ่มขึ้น

ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประกาศวิสัยทัศน์และแถลงเป้าหมายทางการเงิน ปี 2563 โดยนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ กล่าวอย่างมั่นใจว่าธนาคารกสิกรไทยจะผ่านสถานการณ์ technology disruption ไปได้ด้วยดีพร้อมกับลูกค้า เพราะ 75 ปีที่ดำเนินงานมา ธนาคารมีการเปลี่ยนแปลง และปรับตัวได้เร็ว ยกตัวอย่างเมื่อเกิดวิกฤตปี 2540 ธนาคารกสิกรไทยเป็น 1 ใน 2 ธนาคารเท่านั้นที่สามารถระดมทุนจากต่างประเทศได้ก่อนที่โอกาสจะปิดลง

นางสาวขัตติยากล่าวว่า ธนาคารสร้างความแข็งแกร่งเพื่อพร้อมที่จะเดินหน้าต่อเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค เพราะมีตลาดที่ใหญ่มาก เศรษฐกิจขยายตัวสูง เช่นปัจจุบันมีการเจรจาร่วมลงทุนกับธนาคารท้องถิ่นในเมียนมา แต่ยังไม่ทราบจำนวนเงินสำหรับการลงทุน เพื่อต้องการสร้างรายได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนจากต่างประเทศไม่ถึง 10 %

ขณะเดียวกันก็ยังเป็นธนาคารดิจิทัล เตรียมงบลงทุนด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และด้านบุคลากรรองรับบริการดิจิทัลใน 3 ปีนี้ (2563-2565) กว่า 17,000 ล้านบาท

“เราจะทำมากขึ้นและเร็วมากขึ้น เราจะไม่หยุดคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ  เพื่อไปในทุกๆที่ที่ลูกค้าไป มีช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึง ปล่อยสินเชื่อทุกกลุ่มอย่างชาญฉลาด มีการบริหารความเสี่ยงและให้ความสำคัญกับเรื่องเสถียรภาพ พร้อมใช้ประโยชน์จากดาต้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ลูกค้ามีอำนาจในการจัดการธุรกิจ ลูกค้าจะเป็นผู้ชนะ และก้าวนำการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับธนาคารกสิกรไทย”นางสาวขัตติยากล่าว

ส่วนเป้าหมายทางการเงินในปี 2563 ซึ่งธนาคารประกาศแผนออกมาตั้งแต่เดือนต.ค. 2562 ที่ผ่านมา นางสาวขัตติยา กล่าวว่า เป้าหมายยังคงเหมือนเดิม แม้มีปัจจัยลบเข้ามากระทบเพิ่มเติมก็ตาม ยังคงมั่นใจเป้าหมายสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น 4-6% ได้ เพราะมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ เช่น ลูกค้ารายย่อย คาดว่าจะเติบโต 9-11% และปล่อยสินเชื่อบุคคลเพิ่ม 1.78 แสนล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2562 จากการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการปล่อยสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ส่วนอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะลดลงเล็กน้อยเป็น 3.1-3.3% สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาลง

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นเป็น 3.6-4.0% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว และธนาคารปรับกลยุทธ์ในการจัดการ NPL โดยเก็บ NPL บางส่วนไว้บริหารจัดการเอง หากคาดว่าจะได้รับการชำระคืนสูงกว่าในระยะยาว

” เราต้องหารายได้ใหม่ๆ เพื่อทดแทนค่าธรรมเนียมที่ลดลง คาดรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะลดลง -5% ถึง -17% เป็นผลมาจากการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 การเปรียบเทียบกับฐานที่สูงของรายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกิจประกันที่ยังชะลอตัว ส่วนการขยายธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค คาดว่าจะต้องใช้เวลา อย่างน้อย 5 ปีถึงจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันมีรายได้เพียงตัวเลขหลักเดียว ส่วนราคาหุ้น KBANK ที่ปรับตัวลงมามาก อาจจะเป็นเพราะนักลงทุนมองสถานการณ์ต่างๆร้ายแรงเกินไป”นางสาวขัตติยากล่าว

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ KBANK เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ในยุคทองของเอเชีย มีประชากรเกือบ 3,000 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว รายได้ระดับกลาง ธนาคารจะก้าวไปข้างหน้าสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคที่แท้จริง นอกเหนือจากการสร้างเครือข่ายและการหาพันธมิตร รวมทั้งแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านบริษัท K-Vision แล้ว ธนาคาร เตรียมยื่นขออนุญาตจัดตั้ง บริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี ที่เมืองเซินเจิ้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรม สนับสนุนการให้บริการของธนาคารในประเทศจีน การให้บริการดิจิทัลในภูมิภาค และสามารถนำนวัตกรรมที่ได้กลับมาใช้ประโยชน์กับธนาคารกสิกรไทยและลูกค้าไทยด้วยเช่นกัน

ธนาคารมีความพร้อมที่สร้างช่องทางและบริการดิจิทัลเพื่อพาคนไทยและธุรกิจไทยที่มีความเชื่อมั่นก้าวข้ามพรมแดนไปด้วยกันสู่โอกาสมหาศาลในยุคแห่งเอเชีย ตั้งเป้าหมายภายในปีนี้สร้างช่องทางการบริการของธนาคารใน CCLMVI ให้ครบ และขยายพอร์ตลูกค้าบุคคลในประเทศจีน

“ตอนนี้มีทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดี แต่เราต้องเลือกที่จะมอง เปลี่ยนมุมมองแล้วจะมีโอกาสที่ดี เมื่อเห็นสิ่งที่ดีแล้วทำให้สำเร็จ ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถขยายออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศได้ แบบตัวเบา มีค่าใช้จ่ายน้อย โดยใช้ดิจิทัล แอปเราไม่ได้ออกไปเพียงเมืองจีน ไปฝรั่งเศส และอังกฤษ แล้ว ต่อไปจะทำหลายช่องทาง หลายสกุลเงิน ” นายพิพธกล่าว