HoonSmart.com>>สามารถคอร์ปอเรชั่นลั่นปี 2563 ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 40% คาดประมูลงาน 2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐ หวังผล 60-70% กลุ่มมั่นใจปีแห่งการเติบโตแข็งแกร่ง ควบรวมบริษัทในเครือลดต้นทุน แม่ปรับตัวจากโฮลดิ้งเป็นสร้างกำไรเอง พร้อมจ่ายเงินปันผลจากปี 62 ที่มีกำไร
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 40% มาอยู่ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าประมูลงานประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐ คาดหวังจะได้งานใหม่ประมาณ 60-70% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล แม้ว่าภาพเศรษฐกิจอาจจะยังไม่สดใสนัก แต่กลุ่ม SAMART มั่นใจว่าจะเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทฯมีงานของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจสร้างรายได้หลักสัดส่วน 75% และส่วนที่เหลืออีก 15% จะเป็นงานของภาคเอกชน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า กลยุทธ์ในปี 2536 ยังคงรุกงานโครงการของภาครัฐมากขึ้น เนื่องจากมองหาโอกาสที่มีการใช้เม็ดเงินลงทุนออกมา ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คาดว่าจะเริ่มการประมูลงานโครงการด้าน ICT ทยอยออกมาในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ภาครัฐก็จะเริ่มอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น SAMART จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยภาครัฐขับเคลื่อนเทคโนโลยีของประเทศ ในการนำ Solution ใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน
นอกจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากเผชิญกับปัญหาจากการ Disrupt ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมาบริษัทได้เน้นการขาย Solution ใหม่ๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และช่วยแก้ไขแพลตฟอร์มของลูกค้า พร้อมกับการสรรหาทีมงานรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาเสริมทัพ และจับเทรนด์ด้านเทคโนโลยี AI และ Big data คาดว่าภายในไตรมาส 1 บริษัทจะประกาศความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในงานที่บริษัทได้รับมา ซึ่งเป็นงานที่บริษัทนำ Solution ใหม่เข้ามาสนับสนุน
“เศรษฐกิจในปีนี้ยังไม่ง่าย เราต้องมาจับตลาดที่มีการใช้จ่ายเม็ดเงินออกมา โดยเฉพาะงานภาครัฐ แม้ว่าในปีก่อนงานจะล่าช้า ทำให้มีมูลค่างานในมือหรือ Backlog ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท เป็น 9,500 ล้านบาท แต่ในปีนี้เรามองว่าจะมีการใช้จ่ายครั้งใหญ่ของภาครัฐเกิดขึ้น หลังจากที่งบประมาณปี 2563 ผ่านแล้ว “นายวัฒน์ชัย กล่าว
ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม SAMART เช่นควบรวมบริษัทในเครือที่มีความทับซ้อนกันดึงกลับมา เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกัน บริษัทแม่ SAMART จะปรับรูปแบบจากบริษัท Holding เป็น Operating สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทด้วยตัวเองได้ เพื่อให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และไม่พึ่งพิงเพียงแค่เงินปันผลของบริษัทลูกเท่านั้น นอกจากนี้บริษัทสามารถ ดิจิตอล (SDC) ที่ได้หยุดการทำธุรกิจผลิตและขายโทรศัพท์มือถือแบรนด์ไอ-โมบาย เพื่อปิดความเสี่ยงแล้ว คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นต่อเนื่อง จากในปี 2562 ขาดทุนต่ำกว่า 1 พันล้านบาท คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ในปี 2564 ส่วนการนำบริษัทสามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ เตรียมที่จะเดินสายนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (โรดโชว์) ในประเทศในวันที่ 28 ม.ค.นี้
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมพิจารณากลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอีกครั้ง หลังจากที่ผลงานในปี 2562 พลิกกลับมามีกำไร จากที่ขาดทุนมาต่อเนื่องในปร 2560 และ 2561 ซึ่งจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทประกาศผลการดำเนินปี 2562 ในช่วงกลางเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ในปี 2562 คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท และมี Backlog 9,500 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 5 ปีนี้