HoonSmart.com>> นักลงทุนเทหุ้นรพ. ร่วงแรง โบรกฯ ชี้ประกันสังคมลดอัตราเบิกจ่ายรักษา IPD ชั่วคราว 45% ในช่วงไตรมาส 4/62 กระทบกำไรกลุ่มโรงพยาบาลรับประกันสังคม BCH ร่วงกว่า 6% CHG เกือบ 4% ฟากกลุ่มรพ. มีลูกค้าตะวันออกกลางมาก BH ร่วงเล็กน้อย BDMS แรงซื้อกลับปิดเสมอตัว
กระทบเชิงลบต่อกลุ่มการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลที่รับคนไข้ประกันสังคม โดย BCH (บางกอก เชน ฮอสปิทอล) ปิดภาคเช้าวันที่ 6 ม.ค.2563 ร่วงแรง 1.00 บาท หรือ -6.06% ปิดที่ 15.50 บาท ระหว่างวันลงไปแตะ 15 บาท ลดลง 9% CHG ปิด 2.44 บาท ลบ 0.10 บาท หรือ -3.94% ระหว่างวันลงไปแตะ 2.42 บาท
ส่วน RHJ ( โรงพยาบาลราชธานี ) ปิดที่ 24.60 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ -1.60% และ LPH (โรงพยาบาลลาดพร้าว) ปิด 4.80 บาท ลบ 0.06 บาท หรือ -1.23%
ด้านหุ้นโรงพยาบาลที่มีกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง อย่าง BH (โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์) ปิดที่ 140.50 บาท ลบ 1.00 บาท หรือ -0.71% ส่วน BDMS (กรุงเทพดุสิตเวชการ) ปิดที่ 25.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ระหว่างวันราคาร่วงลงไปแตะ 24.30 บาท ลบ 3.76%
บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลลดลงแรงในช่วงเช้า 4-6% เป็นผลมาจากกรณีที่สำนักงานประกันสังคมประกาศลดอัตราการเบิกจ่ายชั่วคราวสำหรับการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน (IPD ที่มี RW>2) โดยลดจาก 12,800 บาท เป็น 7,100 บาท/RW เนื่องจากงบไม่พอ
“กำไรหลักปี 62 ของ BCH และ CHG จะได้รับผลกระทบ 4% เป็นผลชั่วคราว เนื่องจากสนง.ประกันสังคมมีแนวโน้มที่จะเพิ่มงบประมาณโดยรวมในปี 2563 ประมาณ 10-15% จึงมองราคาหุ้นอ่อนตัวเป็นโอกาสสะสมหุ้น เพือรอ upside ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุ
ด้านบล.ทรีนีตี้ มองว่าเป็นผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลที่รับคนไข้ประกันสังคม เนื่องจากรายได้ที่จะบันทึกในไตรมาส 4/62 จะปรับตัวลดลง และเนื่องจากการปรับลดการเหมาจ่ายนี้รวมย้อนหลังของเดือน ส.ค-ก.ย- 2562 อยู่ด้วย จึงคาดว่าจะมีการกลับรายการเพิ่ม และผลกำไรในไตรมาส 4/62 คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากช่วงไตรมาส 3 ที่เป็นช่วง High Season ของกลุ่ม และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับค่าเหมาจ่ายเป็น 7,100 บาท/Adjusted RW (แม้ว่าในไตรมาส 4/62มีการปรับลดอยู่ที 8,100 บาท/Adjusted RW สำหรับรอบ 3 เดือนสุดท้ายของปี)
“แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มโรงพยาบาลที่รับคนไข้กลุ่มประกันสังคมชั่วคราว ได้แก่ BCH, CHG, RJH และ LPH เนื่องจากจะมีการกลับรายการ และการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มในไตรมาส 4/62 ในประเด็นของการขอปรับเพิ่มค่ารายหัวประกันสังคมที่ 10-12% ยังไม่ชัดเจน และไม่ได้มีการปรับเพิ่มมา 2 ปีแล้ว แต่ต้นทุนทางการแพทย์ได้ปรับตัวสูงขึ้นและมีการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการทำไรของกลุ่มยังไม่เติบโตเท่าที่ตั้งเป้าหมายไว้”บล.ทรีนีตี้ ระบุ
อย่างไรก็ดี หากมีข้อสรุปต่อประเด็นการปรับเพิ่มค่าเหมาจ่ายรายหัวเพิ่ม ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการปรับลดค่าเหมาจ่ายสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW > 2) มองว่าจะเป็น Upside Risk ต่อกลุ่ม
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองประเด็นดังกล่าวเป็นข่าวเชิงลบต่อกลุ่มโรงพยาบาลที่รับประกันสังคม แต่เป็นสิ่งที่โรงพยาบาลคาดการไว้ก่อนหน้านี้และในทางบัญชีได้มีการตั้งวงเงินเบิกจ่ายไว้ต่ำกว่าระดับ 12,800 บาท
“เรางคงน้ำหนักเท่าตลาด ระยะสั้นมองเป็นประด็นลบ รวมถึงประเด็นผลกระทบจากตะวันออกกลาง ขณะที่หากประกันสังคมประกาศปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม จะเป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลที่รับประกันสังคม เราแนะนำลงทุนโรงพยาบาลที่กลุ่มลูกค้าเป็น Domestic ซึ่งจะมีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกน้อยกว่า”บล.หยวนต้าระบุ
พร้อมทั้ง แนะนำ ซื้อ BCH ราคาเป้าหมาย 21.80 บาท VIBHA เป้าหมาย 2.25 บาท ซึ่งระยะสั้นแม้จะมีปัจจัยลบจากการตั้งสำรองประกันสังคมสำหรับ RW>2 ในไตรมาส 4/62 แต่คาดผลผระกอบการมีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2563 และยังมีประเด็นบวกจากการรอปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคมที่คาดว่าจะประกาศในเดือนม.ค.นี้
สำหรับโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าตะวันออกกลาง จากประเด็นความรุนแรงในตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่ม Medical tourism ของชาวตะวันออกกลางที่เดินทางมาประเทศไทยลดลง โดยกลุ่มโรงพยาบาลที่มีผลกระทบมากสุดจะเป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศสูง ได้แก่ BH สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติ 66% มาจากกลุ่มตะวันออกกลาง 23% ต่อรายได้รวม และ BDMS สัดส่วน รายได้จากลูกค้าต่างชาติ 31% จากตะวันออกกลาง 5%