SAWADรุกธุรกิจ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส-Banking Agent”

SAWAD ต่อยอดธุรกิจปล่อยสินเชื่อ รุกเข้าสู่ธุรกิจบริการ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส-Banking Agent” ภายในปีนี้ ตุน 7 พันล้านดันพอร์ตลูกหนี้และรายได้โต 30% พร้อมลดความเสี่ยงพอร์ตลูกหนี้รายใหญ่ให้กู้ไม่เกิน 350 ล้านบาท

น.ส.ธิดา แก้วบุตตา กรรมการบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตลูกหนี้สุทธิเป็น 2.7 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 20-30% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีพอร์ตลูกหนี้สุทธิ 2.2 หมื่นล้านบาท และคาดว่ารายได้จะเติบโต 20-30% เมื่อเทียบกับปีก่อนเช่นกัน ขณะที่การเติบโตดังกล่าวยังไม่รวมรายได้จากการบริหารพอร์ตลูกหนี้ NPL และNPA ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างประมูลซื้อจากธนาคารพาณิชย์ และคาดว่าผลตอบแทนจากธุรกิจนี้จะไม่ต่ำกว่า 20%

น.ส.ธิดา มั่นใจว่า ไตรมาส 2 ปีนี้ รายได้ของ SAWAD จะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมาก และจะเติบโตเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ด้วย หลังจากบริษัทได้สื่อสารนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่ชัดเจนไปยังสาขากว่า 2,500 แห่ง ขณะที่ NPL จะกลับสู่ระดับปกติที่ระดับ 3-4% ลดลงจากไตรมาส 1 ที่ NPL เพิ่มไปอยู่ที่ 5.95% เนื่องจากลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ โดยขณะนี้ลูกหนี้รายดังกล่าวได้ชำระคืนหนี้ทั้งหมดแล้ว

“ปี 2560 พอร์ตลูกหนี้และรายได้เราเติบโตไม่มากเมื่อเทียบกับปี 2559 เพราะบริษัทกำลังปรับโครงสร้างบริษัท หลังจากซื้อ BFIT (บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์) เข้ามา ทำให้นโยบายยังไม่นิ่ง แต่ปีนี้เราปรับโครงสร้างเสร็จแล้วและนโยบายก็นิ่งแล้ว ซึ่งเราได้สื่อสารไปยังสาขา 2,532 แห่งและจะเพิ่มเป็น 2,800 แห่งในปีนี้ ให้เร่งรัดการปล่อยสินเชื่อตามนโยบายใหม่ จึงมั่นใจว่าการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้และรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย”น.ส.ธิดากล่าว

นอกจากนี้ บริษัทลูกของ SAWAD คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 เตรียมเข้าทำธุรกิจให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส และ Banking Agent โดยอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อขอรับใบอนุญาต และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปีนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งคาดว่าปีนี้รายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยจะอยู่ที่ 3-5% ของรายได้รวมของ SAWAD

สำหรับพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อที่มีหลักประกันในต่างประเทศของบริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งนั้น ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีสาขาในเวียดนาม และพม่า มีพอร์ตสินเชื่อรวม 600-700 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสปป.ให้ทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีหลักประกันในสปป.ลาวได้แล้ว

น.ส.ธิดา กล่าวว่า ในส่วนการจัดหาแหล่งเงินเพื่อรองรับการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้นั้น SAWAD เตรียมออกหุ้นกู้ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ วงเงิน 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ที่ 3-5% ส่วนที่เหลือจะมาจากการรับฝากเงินของ BFIT วงเงิน 2-3,000 ล้านบาท ขณะที่แหล่งเงินที่จะใช้ซื้อ NPL และNPA วงเงิน 2,500 ล้านบาทในปีนี้นั้น อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะออกหุ้นกู้เพิ่มหรือจะกู้จากสถาบันการเงิน โดย SAWAD มีวงเงินกู้กับธนาคาร 9,000 ล้านบาท ซึ่งกู้ยืมได้ทันทีที่ต้องการ

“ในสถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น บริษัทมีนโยบายบริหารต้นทุนการเงินในระยะ 2-4 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 3.5% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 3.4% ส่วนผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ คือ IFRS9 อยู่ระหว่างให้ที่ปรึกษาดำเนินการ แต่จะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยยสำคัญ”น.ส.ธิดากล่าว

น.ส.ธิดา กล่าวว่า หลังจากเกิดปัญหาหนี้เสียของลูกหนี้รายใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ทาง SAWAD ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการปล่อยสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยง NPL ของลูกหนี้รายใหญ่ โดยจะปล่อยกู้ให้ลูกหนี้รายใหญ่ไม่เกิน 300-350 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลูกหนี้ที่ปล่อยกู้เกิน 350 ล้านบาทเพียงรายเดียว วงเงินสินเชื่อ 500 ล้านบาท และสิ้นปีจะดำเนินการลดวงเงินกู้ให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

“นโยบายบริษัทเน้นปล่อยกู้ลูกค้ารายย่อยในสัดส่วน 90% โดยปล่อยกู้ไม่เกิน 10 ล้านต่อราย และที่เหลืออีก 10% จะเป็นลูกค้ารายใหญ่วงเงินสินเชื่อตั้งแต่ 10 ล้านแต่ไม่เกิน 300-350 ล้านบาทต่อราย ขณะที่การพิจารณาปล่อยกู้จะเน้นความปลอดภัยและพิจารณามูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันเป็นหลัก เช่น หากเป็นรถยนต์หรือจักรยานยนต์จะให้สินเชื่อไม่เกิน 50% ของราคาตลาด หากเป็นบ้าน ที่ดิน และที่ดินโรงงานจะให้ไม่เกิน 20-30% ของมูลค่าทรัพย์สิน”น.ส.ธิดากล่าว