HoonSmart.com>>นักลงทุนเริ่มหันมาเลือกซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ บล.ดีบีเอสเลือกสะสมบริษัทมั่นคง – ปันผลดีเพื่อลงทุนยาว บล.เอเซียพลัส แนะ LH และ AP ส่วนศุภาลัย นำเสนอบ้านอายุวัฒนะ อ. แก่งคอย จ. สระบุรี จัดโปรโมชั่นพิเศษฉลองเปิดตัวราคาเริ่มต้น 1.3 ล้านบาท
ในช่วงนี้เริ่มเห็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น และราคามีการขึ้นลงตามความต้องการ เช่น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP ปิดที่ 7.35 บาท บวก 0.35 บาทหรือ 5% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 184 ล้านบาท บริษัท ศุภาลัย ( SPALI)ปิดที่ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาทหรือ 2.31% มูลค่าซื้อขาย 334 ล้านบาท โดยบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ กลุ่มที่พักอาศัยให้น้ำหนักลงทุนเท่ากับตลาด หลังจากมีประเด็นการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในส่วนของที่อยู่อาศัย และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)อาจจะพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์อัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน(LTV) ซึ่งในระยะสั้น ส่งผลดีต่อกลุ่มที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตามคงไม่ถึงกับทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะกำลังซื้อยังคงซบเซาจากหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงเกือบๆ 70% ของจีดีพี และหลายทำเลมีภาวะอุปทานล้น ซึ่งต้องใช้เวลาในการลดอุปทานลง ทำให้อุตสาหกรรมที่พักอาศัยในปี 2563 จะยังท้าทาย ราคาที่พักอาศัยและที่ดินมีโอกาสลดลง
ขณะที่สมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้างประเมินว่ายังมีที่พักอาศัยรอขายในกรุงเทพและปริมณฑลสิ้นปี2562 ประมาณ 1.5 แสนยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 42% ทาวเฮ้าส์ 32% บ้านเดี่ยว 17% ที่เหลือเป็นอื่นๆ คาดว่าอัตราการดูดซับ อยู่ที่ 3.7% ต่อเดือน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 4.5% ซึ่งต้องใช้เวลาในการระบายสต๊อกถึง 21 เดือน ทำให้บริษัทขนาดกลาง-เล็กที่สภาพคล่องเริ่มตึงก็อาจจะต้องขายสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างออกมาในราคาที่ไม่แพง ส่วนบางบริษัทที่อาจจะไปต่อลำบากก็มีสิทธิที่จะขายโครงการให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่
สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่จะผ่านช่วงซบเซานี้ไปได้ และยังมีโอกาสเติบโตในระยะยาว เพราะมีการปรับตัวด้วยการชะลอการเปิดโครงการใหม่ เร่งระบายสต็อกด้วยการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง และมีระดับแลนด์แบงก์ต่ำมาก แม้ว่าในช่วงปี 2562-2564 ไม่ได้เป็นช่วงเติบโตของอุตสาหกรรม แต่ธุรกิจของบริษัทชั้นนำก็ยังประคองตัวไปได้ รวมทั้งยังมีความสามารถในการจ่ายปันผลได้ดีคาดอัตราผลตอบแทนประมาณ 5-6% ต่อปี
สำหรับการลงทุนแนะนำเลือกสะสมหุ้นมั่นคง & ปันผลดีเพื่อลงทุนยาว ในเชิงกลยุทธ์สะสมจังหวะอ่อนตัว หุ้นเด่น คือ AP,บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์( LH) และ SPALI
AP เป็นผู้ประกอบการที่มีสินค้าหลากหลายทั้งแนวราบ แนวสูง ครอบคลุมตลาดกลาง-บน ในทำเลที่ดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.8 เท่า ด้าน P/E ปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 6 เท่า ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโต 10-13% ส่วนอัตราผลตอบแทนปันผลปี 2563 คาดไว้ที่ 5.4% ฝ่ายวิจัยฯให้ราคาพื้นฐาน 8.20 บาท
บริษัท LH มีโครงสร้างผลประกอบการที่กระจายตัว มีทั้งกำไรจากการขาย กำไรจากธุรกิจค่าเช่าและบริการ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (งวด 9 เดือนปี 2562 เฉพาะส่วนนี้คิดเป็น 37% ของกำไรสุทธิ) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 เติบโต 5-6% ฐานะการเงินดี สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.8 เท่า คาดการณ์ อัตราผลตอบแทนปันผลปี 2563 เท่ากับ 6.4% ให้ราคาพื้นฐาน 10.70 บาท
บล.ดีบีเอสฯชอบ SPALI บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้มีมาร์จิ้นอยู่ในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม คืออัตรากำไรสุทธิสูงถึง 20-22% ใน 4 ปีที่ผ่านมา) บริษัทปรับแผนกลยุทธ์ได้เร็วและสอดคล้องกับสถานการณ์ คาดกำไรสุทธิปี 2563 จะเติบโต 4-5% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.4 เท่า ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปี 2563 เท่ากับ 7 เท่า ประมาณการอัตราผลตอบแทนปันผลไว้ที่ 5.3% ทางฝ่ายวิจัยฯให้ราคาพื้นฐาน 18.50 บาท
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส คงแนะนำลงทุนอสังหาฯ “น้อยกว่าตลาดฯ” แม้ระยะสั้นมีแรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาส 4จะเป็นจุดสูงสุดของปี รวมถึงความน่าสนใจเรื่องเงินปันผล จะช่วยขับเคลื่อนราคาหุ้นกลุ่มฯ แต่ภาพระยะกลางที่ยังมีปัจจัยกดดันทั้งเรื่อง Demand และ Supply ทำให้กำไรกลุ่มฯ ปี 2563 เติบโตในระดับต่ำ
กลยุทธ์ลงทุนหุ้น เน้นคาดหวังอัตราผลตอบแทนปันผลเป็นหลัก เลือก LH มูลค่าเหมาะสม 12 บาท คาดกำไรไตรมาส 4 โดดเด่น ปันผลปีละเกือบ 7% และ AP มูลค่า 8.90บาท คาดกำไรจะสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ถึงตลอดปี 2563 โตในระดับ 15% อีกทั้งคาดหมายเงินปันผล 5% ต่อปี (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ “ศุภวัฒนาลัย”สำหรับวัยแห่งความสุข ชูแนวคิดเพื่อคุณค่าการมีชีวิตอยู่อย่างยั่งยืน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ณ อ. แก่งคอย จ. สระบุรี ส่งโปรโมชั่นพิเศษฉลองเปิดตัวโครงการ ราคาเริ่มต้น 1.3 ล้านบาท เป็นโครงการ CSR ของบริษัทจึงคิดราคาเท่าทุน โดยแถมเฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ
บริษัทเปิดเฟส 1-2 จำนวน 65 แปลง มี 2 ทางเลือกในการตัดสินใจเช่า คือ 1.ผู้พักอาศัยต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีสิทธิพักอาศัยภายในโครงการตลอดชีพ หากยกเลิกสัญญาเช่าภายใน 20 ปีแรก บริษัทฯ จะคืนเงินให้ 50% ของราคาเช่า และหากเกิน 20 ปี จะได้รับเงินคืน 25% ของราคาเช่า และ 2. ไม่จำกัดอายุโดยผู้อยู่อาศัย มีระยะเวลาครอบครองสิทธิ 30 ปี สามารถโอนสิทธิ์เปลี่ยนชื่อให้ผู้อื่นได้