HoonSmart.com>> บล.ทิสโก้ ประเมินเงิน LTF และ RMF อาจเข้าซื้อหุ้นไทยน้อยกว่าคาด หลังปัจจัยลบรุมเร้า แนะอาศัยจังหวะหุ้นไทยย่อตัวทยอยซื้อหุ้นปันผลเด่นเข้าพอร์ต กางสถิติในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. ของทุกปี หุ้นปันผลให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดประมาณ 4%
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2562 ประเมินว่าเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะไหลเข้าซื้อหุ้นไทยน้อยกว่าที่คาด หลังภาวะเศรษฐกิจยังส่งสัญญาณอ่อนแอต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการใช้จ่าย รวมถึงระมัดระวังเรื่องการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับรูปแบบการออกกองทุนรวมใหม่ที่จะมาทดแทน LTF มีความล่าช้า อาจส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินไหลเข้าในปีนี้
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะมีเงิน LTF เข้าซื้อหุ้นไทยประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะมีเงินเข้าซื้อที่ 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ RMF คาดว่าจะมีเงินไหลเข้าเพียง 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีเงินไหลเข้าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมจะยังคงย่ำแย่อยู่ แต่บล.ทิสโก้มองว่าในช่วงที่หุ้นไทยย่อตัวนี้ เป็นจังหวะที่ดีในการทยอยเข้าซื้อหุ้นปันผล เพราะจากการศึกษาความเคลื่อนไหวหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง โดยใช้ดัชนี SETHD TRI (ย่อมาจาก SET High Dividend Total Return Index) ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นพื้นฐานดีที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง 30 ตัวแรกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่รวมผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นและเงินปันผลแล้ว เปรียบเทียบกับความเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม (SET TRI) พบว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนของทุกปี หุ้นปันผลมักจะให้ผลตอบแทนรวมดีกว่าตลาดประมาณ 4%
“ผลตอบแทนจากเงินปันผลถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของตลาดหุ้นไทย โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยนอกจากจะชนะอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังให้ผลตอบแทนดีกว่าอัตราดอกเบี้ยด้วย ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศ และต่างประเทศก็อยู่ในระดับต่ำมาก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของไทย และสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 1.7% และ 1.8% ตามลำดับ นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นต่างประเทศ พบว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของหุ้นไทยอยู่ในระดับกลางถึงค่อนข้างสูง โดยตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 3.1% ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศมักจะมีผลตอบแทนจากเงินปันผลโดยเฉลี่ยราว 2.8%” นายอภิชาติ กล่าว
สำหรับหุ้นปันผลเด่นแนะนำของปี 2563 เรียงลำดับตามผลตอบแทนที่คาดว่าบริษัทเหล่านี้จะจ่ายเงินปันผลปี 2563 จากมากไปหาน้อย ได้แก่ KKP, TVO, AP, QH, MAJOR, SCB, SCC และ BBL ซึ่งหุ้นแต่ละตัวที่บล.ทิสโก้คัดเลือกมานั้น นอกจากจะพิจารณาจากหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลดีอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังพิจารณาในแง่ของโอกาสที่ราคาหุ้นแต่ละตัวจะปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันด้วย เพื่อให้นักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของเงินปันผล และส่วนต่างราคาหุ้น
ส่วนหุ้นแนะนำในเดือนธันวาคมจะเน้นเลือกหุ้นขนาดใหญ่ (Selective Buy) ที่มีประเด็นการลงทุนเด่นอย่างชัดเจน ได้แก่ หุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องซื้อขายสูงที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของเม็ดเงิน LTF & RMF แนะนำ CPALL, MINT, SCB และ SCC หุ้นปันผลที่อยู่ใน SETHD Index ที่มักปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า แนะนำ AP, KKP, SCB และ SCC และ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 Index แนะนำ VGI โดยสรุป หุ้นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือน ธันวาคม 2562 คือ AP, CPALL, KKP, MINT, SCB, SCC และ VGI