“เอ็ม ดี เอ็กซ์” ชี้แจงข้อพิพาทกฎหมานกรณีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรณีถูกอายัดทรัพย์สิน อยู่ระหว่างอุทธรณ์ศาล เผยหากคดีถึงที่สุดไม่กระทบการดำเนินธุรกิจปกติ
บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ (MDX) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อพิพาททางกฎหมายกรณีบ่อบำบัดน้ำเสีย รวมคลองด่าน ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า NVPSKG ที่บริษัท เกตเวย์ ดิเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยบริษัทถือหุ้น 35.71% และลงทุนในกิจการร่วมค้า 10% ว่า คดีหมายเลขดำที่ ฟ.194/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.142/2560 ว่าปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยอยู่ระหว่างอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2560 ให้ทรัพย์สินของบริษัทจำนวน 100 ล้านบาทและบริษัทย่อยจำนวน 110 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน หลังสำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน ได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวชั่วคราว
อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อมั่นว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และบริษัทยังคงมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม
ในทางกลับกัน หากคดีถึงที่สุดโดยที่บริษัทและบริษัทย่อยแพ้คดี และทรัพย์ดังกล่าวถูกยึดไป บริษัทและบริษัทย่อยก็ต้องบันทึกรับรู้ค่าความเสียหายตามมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดทั้งหมดในงบการเงิน อย่างไรก็ตาม บริษัทและบริษัทย่อยได้แยกทรัพย์ดังกล่าวออกจากทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจแล้ว ดังนั้น ข้อพิพาทนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจปกติ
ส่วนคดีหมายเลขดำที่ 791/2554 และ 809/2554 คดีหมายเลขแดงที่ 18/2555 และ 2090/2555 ตามที่เดือนม.ค.ปี 2554 คณะอนุญาโตตุลาการ ได้มีคำชี้ขาดให้กรมควบคุมมลพิษชำระค่างวดคงค้างของโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้าเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ แก่กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี จำนวน 7,936.45 ล้านบาท และจำนวนเงิน 54.29 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา โดยกิจการร่วมค้าฯได้รับชำระเงินแล้ว 3,174.58 ล้านบาท และจำนวน 21.72 ล้านเหรียญสหรัฐ
ต่อมาในปี 2559 กระทรวงการคลังได้ยื่นร้องขอต่อศาลปกครองกลางให้พิจารณาคดีดังกล่าวใหม่ในเดือนพ.ค.2560 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้งดบังคับคดี และในเดือนส.ค.ปีเดียวกัน ศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ให้งดการบังคับคดี เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2561 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ กิจการร่วมค้าฯ จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอคำสั่งว่าศาลปกครองสูงสุดจะรับอุทธรณ์หรือไม่
ทั้งนี้ผลของคดียังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม หากคดีถึงที่สุดโดยที่กิจการร่วมค้าเป็นฝ่ายแพ้คดี อาจทำให้กิจการร่วมค้าต้องคืนเงินค่างวดที่ได้รับมาแล้วตามที่กล่าวข้างต้นแก่กรมควบคุมมลพิษ และบริษัทย่อยอาจจะต้องคืนเงินตามส่วนที่ได้รับจากกิจการร่วมค้า ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกอายัดไว้แล้ว
ส่วนกรณีการเพิกถอนโฉนดที่ดิน บริษัทย่อยได้รับคำสั่งจากอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1298/2555 ลงวันที่ 2 พ.ค.2555 ให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 24016 ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ
จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งบริษัทย่อยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินมูลค่าตามบัญชี 11.39 ล้านบาท ซึ่งบริษัทย่อยได้ยื่นหนังสือขอคัดค้านการเพิกถอนโฉนดดังกล่าว ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวน
หากคดีถึงที่สุดโดยที่บริษัทย่อยแพ้คดี ที่ดินดังกล่าวก็จะถูกเพิกถอนโฉนด และบริษัทย่อยก็ต้องบันทึกรับรู้ค่าความเสียหายของที่ดินที่ถูกเพิกถอนดังกล่าวในงบการเงิน แต่เนื่องด้วยปัจจุบัน บริษัทย่อยก็มิได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่เกิดผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจที่สืบเนื่องจากการถูกเพิกถอนโฉนดดังกล่าว
ทั้งนี้ผลของคดียังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม หากคดีถึงที่สุดโดยที่กิจการร่วมค้าเป็นฝ่ายแพ้คดี อาจทำให้กิจการร่วมค้าต้องคืนเงินค่างวดที่ได้รับมาแล้วตามที่กล่าวข้างต้นแก่กรมควบคุมมลพิษ และบริษัทย่อยอาจจะต้องคืนเงินตามส่วนที่ได้รับจากกิจการร่วมค้า ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกอายัดไว้แล้ว