HoonSmart.com>> ก.ล.ต.ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งผู้กระทำผิด 2 ราย “เพ็ญจันทร์ ยงวงศ์ไพบูลย์” กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น AMC “พิชิต ฉัตรสกุลวงศ์” ให้ใช้บัญชีขายหุ้นหนีงบขาดทุน สั่งปรับรวม 2.76 ล้านบาท พร้อมลงโทษผู้กระทำผิด 3 ราย “ปัญจมา-อรรถวิท เธียรวิวรรธน์” และ “ทิพวรรณ สุธาทิพย์กุล” อินไซด์ชิงซื้อหุ้น TRUBB ก่อนแจ้งกำไรโต สั่งปรับรวม 4.6 ล้านบาท สั่งห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรวม 2 รายใช้อมูลภายในขายหุ้นเอเซีย เมทัล (AMC) ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น โดยก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนมิ.ย.2560 นางเพ็ญจันทร์ ยงวงศ์ไพบูลย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการของ AMC ได้รู้ข้อมูลจากการปฏิบัติหน้าที่ว่า งบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ของ AMC จะแสดงผลขาดทุนจำนวน 90.40 ล้านบาท
นางเพ็ญจันทร์ จึงได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวซึ่งถือเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์ สั่งขายหุ้น AMC ที่อยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายพิชิต เพื่อนของสามี ในช่วงระหว่างวันที่ 14 – 26 ก.ค.2560 จำนวน 1,000,000 หุ้น ก่อนที่งบการเงินดังกล่าวจะเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 11 ส.ค.2560 จึงทำให้นางเพ็ญจันทร์ หลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากราคาหุ้น AMC ที่ลดต่ำลงได้
การกระทำของ นางเพ็ญจันทร์ เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ รวมทั้งใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่นในการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 297 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ดังกล่าว
สำหรับนายพิชิต ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่นางเพ็ญจันทร์กระทำความผิดตามที่บัญญัติในมาตรา 242 (1) อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 315 ประกอบ มาตรา 242 (1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และเป็นการยินยอมให้นางเพ็ญจันทร์ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อปกปิดตัวตน เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นการฝ่าฝืนและมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 297 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับ นางเพ็ญจันทร์และนายพิชิต โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมเป็นเงิน 2,140,037.50 บาท และ 621,967.50 บาท ตามลำดับ และกำหนดระยะเวลาห้ามนางเพ็ญจันทร์และนายพิชิตเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 14 เดือน และ 9 เดือน ตามลำดับ
ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง หากผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมทั้งขอให้ศาลแพ่งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 2 เท่าของระยะเวลาที่ ค.ม.พ. กำหนด นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา
นอกจากนี้ก.ล.ต. ได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรวม 3 ราย ได้แก่ น.ส.ปัญจมา เธียรวิวรรธน์ นายอรรถวิท เธียรวิวรรธน์ และนางทิพวรรณ สุธาทิพย์กุล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) หรือ TRUBB โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง รวมจำนวน 4,598,967.29 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้งสามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลประกอบการของ TRUBB ในช่วงต้นปี 2560 ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยงบการเงินไตรมาส 1 มีกำไร 109 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดทุน 30.45 ล้านบาท และเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่กำไร 15.72 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น TRUBB ก่อนที่ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) น.ส.ปัญจมา ขณะเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของบริษัทย่อยของ TRUBB ซึ่งรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผลประกอบการดังกล่าวของ TRUBB รวมถึงบริษัทย่อยที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาสเดียวกัน จากการปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ซื้อหุ้น TRUBB ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ระหว่างวันที่ 30 มี.ค.– 26 เม.ย.2560 จำนวน 647,500 หุ้น
(2) นายอรรถวิท ซึ่งเป็นพี่ชายน.ส.ปัญจมา เชื่อได้ว่าได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าวจากนางสาวปัญจมา ได้ซื้อหุ้น TRUBB ผิดไปจากปกติวิสัยของตน ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ระหว่างวันที่ 24 มี.ค.– 5 พ.ค.2560 จำนวน 4,757,300 หุ้น
และ (3) นางทิพวรรณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TRUBB และเป็นมารดาและภรรยาของกรรมการและผู้บริหาร TRUBB เชื่อได้ว่าได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ซื้อหุ้น TRUBB ผิดไปจากปกติวิสัยของตน ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 จำนวน 4,000,000 หุ้น
โดยบุคคลทั้งสามได้ขายหุ้น TRUBB และได้กำไรจากการขาย ภายหลังจากที่ผลประกอบการถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 9 พฤษภาคม 2560
การกระทำของผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายดังกล่าว เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 สำหรับนางสาวปัญจมา ตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(3) นายอรรถวิท ตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 244(4) และนางทิพวรรณ ตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 244(1)(3)(5) นอกจากนี้ นางสาวปัญจมา ได้เปิดเผยข้อมูลภายในข้างต้นแก่นายอรรถวิทโดยรู้ว่านายอรรถวิทจะนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหุ้น TRUBB อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242(2) โดยการกระทำผิดของทั้ง 3 รายมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนางสาวปัญจมา นายอรรถวิท และนางทิพวรรณ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. สำหรับนางสาวปัญจมารวมเป็นเงิน 1,310,456.33 บาท นายอรรถวิท รวมเป็นเงิน 1,716,669.63 บาท และนางทิพวรรณ รวมเป็นเงิน 1,571,841.33 บาท
ค.ม.พ. ได้กำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ สำหรับนางสาวปัญจมา เป็นเวลา 24 เดือน สำหรับนายอรรถวิท และนางทิพวรรณ รายละ 12 เดือน โดยจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง หากไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมทั้งขอให้ศาลแพ่งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 2 เท่าของระยะเวลาที่ ค.ม.พ. กำหนด นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา