แน่งน้อยร้อยเรื่องลงทุน : “ดีบีเอสฯ” จัดคู่มือลงทุนยุค Disruption ชู 3 หุ้นเด่น ADVANC-CPALL-CHG

ทีมวิจัยและกลยุทธ์ของบล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯช่วย “สร้างความมั่งคั่งยั่งยืน ในยุค Disruption “ในยามตลาดเงิน-ตลาดทุน-ธุรกิจโลกเปลี่ยนแปลง  เปิด 5 ธีมลงทุนไตรมาส 4 ทางเทคนิคชี้หุ้นระยะสั้นลงต่อ ตลาดการเงินโลกเปลี่ยน กองทุนดัชนี-ETFs รับผลดี ดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนเปลี่ยนพฤติกรรม ยอมเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทองคำยังขึ้นต่อไม่ได้ รอเฟดกดปุ่มลดดอกเบี้ย เตือนเสี่ยง ดอกเบี้ยพลิกเป็นขาขึ้น ตลาดเกิดใหม่ ตลาดพันธบัตร-หุ้นกู้อาจถูกขายรุนแรง

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ยกทีมฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์มา “สร้างความมั่งคั่งยั่งยืน ในยุค Disruption ” ภายในงาน “มหกรรมการลงทุนแห่งปี SET in the city 2019” เมื่อวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยชี้ช่องให้นักลงทุนวิ่งให้ทันการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจโลก และชี้เป้า 3 หุ้นเด่นในไตรมาส 4/2562 ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ราคาพื้นฐาน 266 บาท บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) มูลค่าเหมาะสม 92.50 บาทและบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) ราคาพื้นฐาน 3 บาท

ในยุค Disruption นักลงทุนต้องเลือกลงทุนในกลุ่ม Mega Trends และหลีกเลี่ยงธุรกิจขาลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะต่ำลง การบริโภคและอุปโภคด้านสุขภาพ และสังคมสูงวัยเพิ่มขึ้น การผลิตและการบริโภคมีการเปลี่ยนรูปแบบ มีการวิจัยและพัฒนา ลงทุนด้านเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มขึ้นของกำไรจะมาจากนวัตกรรมรวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ นอกจากนี้มาตรการกีดกันการค้า ทำให้มีการย้ายฐานการผลิตกันใหม่ทั่วโลก ต้องหาพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น

ดังนั้นธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ โลจิสติกส์ ไอที ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อสาร รวมถึงยาและเวชภัณฑ์ โรงพยาบาล-บริการการแพทย์ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

 

บล.ดีบีเอสฯวางธีมการลงทุนในไตรมาส 4/2562 มี 5 ธีม คือ1. สังคมสูงวัย เช่นหุ้น BDMS,CHG 2.ผู้เล่นในดิจิตอล อาทิ ADVANC,VGI,DIF 3.ท่องเที่ยวและพาณิชย์ AOT,CPALL 4.สาธารณูปโภค ได้แก่ AMATA ,BEM,BTS,TFFIF และ5.พลังงานทดแทน-รถไฟฟ้า EA,GPSC

“อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้ประโยชน์จากTechnology Disruption จะมีการเปิดประมูล 5 G ประมาณเดือนก.พ.2563 ซึ่ง ADVANC เป็นผู้นำตลาดและมีความพร้อมด้านการเงินมากที่สุด การแข่งขันที่ลดลงช่วยสนับสนุนให้กำไรดีขึ้น คาดว่ากำไรหลักในปี 2562 และ 2563 จะเติบโต ปีละ 12% ผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี 3.6% และ 4.2% ลูกค้าไฟเบอร์ออพติกเพิ่มขึ้น”

ส่วนกลุ่มพาณิชย์ ชนะ Technology Disruption  โดย CPALL มีจำนวนสาขาสูงถึง 11,640 แห่งสิ้นไตรมาส 3 และตั้งเป้าถึง 13,000 สาขาในปี 2564 มีสินค้าและบริการหลากหลาย รับชำระค่าน้ำค่าไฟมีอำนาจต่อรองสูง  รวมถึง สัดส่วนการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มยิ่งเพิ่มขึ้น กำไรดี ล่าสุดเป็น 71% มีApps ด้วย คาดกำไรเติบโตสูง 10% ปีนี้และ 8%ปีหน้า

ทางด้านการแพทย์ และโรงพยาบาลได้รับผลกระทบน้อยจาก Technology Disruption แต่เป็นโอกาสช่วยให้วินิจฉัยได้แม่นยำและบริการได้รวดเร็วขึ้น บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์จะมีกำไรดีในปี 2563 จากโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งคุ้มทุน เป็นผู้นำโรงพยาบาลเขต EEC ภาระลงทุนลดลง

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้มดัชนีหุ้นระยะสั้น น่าจะลงมากกว่าขึ้น ระดับ 1,550 เป็นจุดที่น่าสนใจ เป็นการหาโอกาสจากวิกฤตแนวโน้ม SET 50 กรอบล่างที่ 1004/898

สำหรับการ Disruption ในตลาดการเงินโลก เครื่องมือการลงทุนเปลี่ยนไป เป็นบวกต่อกองทุนดัชนี (Index Fund) และ ETFs คล่องตัวซื้อขายเหมือนหุ้น ค่าธรรมเนียมต่ำ เห็นพอร์ตทุกวัน แต่เป็นลบต่อกองทุนบริหารจัดการหรือ Active Fund เห็นได้จากกองทุนจำนวนมากมีผลงานต่ำกว่าดัชนีอ้างอิง

“ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งขยายตัว เน้นจัดพอร์ตลงทุนแบบยั่งยืนและค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการลดลง”บล.ดีบีเอสฯระบุ

ธนาคารกลางDisruption ตลาดการเงิน ขนาดงบดุลธนาคารกลางเพิ่ม 5 เท่า อัตราดอกเบี้ยต่ำลงทั่วโลก บางแห่งติดลบ จะไม่กลับมาสูงเหมือนเดิม ทำให้พฤติกรรมการลงทุนเปลี่ยน รับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพื่อหาผลตอบแทน พร้อมเพิ่มลงทุนในหุ้นปันผล กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน REITs ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น

ทั้งนี้ REITs สิงคโปร์ยังโตได้อีกมาก เช่น กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBPIPRMF) ค่าธรรมเนียมในการบริหาร 1.60% ต่อปี

อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยง ดอกเบี้ยพลิกเป็นขาขึ้น ตลาดพันธบัตรหุ้นกู้ ตลาดเกิดใหม่ อาจถูกขายรุนแรง

ส่วนการลงทุนทองคำ  ราคามีความสัมพันธ์กับการลดดอกเบี้ยของเฟด ที่ผ่านมา 2 ครั้ง ในปี 2000 และ 2007 หลังจากนั้น 3 ปี ทองคำให้ผลตอบแทน 45% จนถึง 200% รอบนี้เฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง แต่ส่งสัญญาณหยุดลดดอกเบี้ย ทำให้ทองคำยังไม่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ให้แนวรับหลักทางเทคนิคในระยะกลางอยู่ที่ 1,440/1,400-1,380 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,480-1,483/1,515/1,550 ดอลลาร์

Disruption ยังจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  นักลงทุนต้องปรับตัวให้ทัน และควรมองหาโอกาสที่ดีจากการเปลี่ยนแปลง…