HoonSmart.com.com>> นักลงทุนเทหุ้น WORK ราคาร่วง 9% กำไรไตรมาส 3/62 วูบ 69% “บล.เคทีบี” เตรียมหั่นประมาณกำไรปี 62-63 ด้านบล.เอเซีย พลัส แนะ “ซื้อ” ราคาร่วงแรงจังหวะซื้อ เป้า 22.50 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น WORK (เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์) เช้าวันที่ 13 พ.ย.2562 ปรับตัวลงแรง ณ เวลา 10.36 น. อยู่ที่ 18.40 บาท ลดลง 1.80 บาท หรือ -8.91% มูลค่าการซื้อขาย 142.07 ล้านบาท จากเปิด 18.60 บาท ลดลง 1.60 บาท หรือ -7.92% และลงไปต่ำสุดแตะ 18 บาท
บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2562 จำนวน 43.82 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.099 บาท ลดลง 69%จากงวดปีก่อนกำไรสุทธิ 141.54 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.321 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรไตรมาส 3/2562 ลดลง 69% จากงวดปีก่อน และลดลง 40% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นลบ ผลประกอบการไตรมาส 3/62 ต่ำกว่าตลาดคาดถึง 66% และต่ำกว่าเคทีบี คาด 71%
สาเหตุเนื่องจาก 1) รายได้จากธุรกิจทีวีที่หดตัวแรง (-27% จากงวดปีก่อน, -7% จากไตรมาสก่อน) จากสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง 2)รายได้จากการขายสินค้าและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 109% จากงวดปีก่อน จากรายได้ของ Hello Shop ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ปรับตัวลดลง 27% จากไตรมาสก่อน 3) รายได้จากธุรกิจ Event ลดลง (-16% จากงวดปีก่อน, -58% จากไตรมาสก่อน) เนื่องจากมีการจัด Event เพียง 7 งาน (ไตรมาส 3/2561 = 8 งาน) 4) รายได้จากธุรกิจ Concert ลดลง 56% จากงวดปีก่อน โดยไตรมาส 3/2561 มีคอนเสิร์ตใหญ่ที่ทำรายได้อย่างมีนัยสำคัญ คือ Wanna One World Tour in Bangkok และ 5) GPM อยู่ที่ 36% ปรับตัวลดลง ทั้ง จากงวดปีก่อน, จากไตรมาสก่อน (ไตรมาส 3/2561 = 39.6%, ไตรมาส 2/2562 = 40.5%)
แม้ Amortisation ของใบอนุญาตที่ลดลงจาก ม.44 และ Production cost ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากในไตรมาส 3/2561 มีค่า license ของ Asian Game แต่ GPM ของธุรกิจ TV และ ธุรกิจขายสินค้าและบริการที่ปรับตัวลดลงด้วย จึงเชื่อว่ามาจากการแข่งขันของธุรกิจทีวีที่รุนแรง และเม็ดเงินโฆษณายังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลใช้กลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา
ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 62 คิดเป็น 43% ของประมาณการ โดยอยู่ระหว่างปรับประมาณการ และมีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2562-2563 ลง เพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 3/2562 ที่ต่ำกว่าคาดมาก
บล.เอเซีย พลัส ประเมินราคาเหมาะสม ปี 2563 อิง DCF เท่ากับ 22.50 บาท แนะนำซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงมาก
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 3/2562 ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด สาเหตุหลักจากรายได้ธุรกิจทีวีลดลง 6.6% จากไตรมาสก่อนและ 27.5% จากงวดปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะฟื้นตัวจากไตรมาส 2/2562เนื่องจากสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นรวมถึงสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2562 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดของปี เนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่นของธุรกิจทีวี และไม่ได้มีการเสริมรายการใหม่เข้าไปในช่วงนี้ เน้นรายการรีรัน เพื่อประหยัดต้นทุน คาดว่าจะพลิกมีกำไรได้จากขาดทุน 77 ล้านบาท ในปีก่อน