NETBAY กำไรโต 26% ดิจิทัล แพลตฟอร์มตอบโจทย์ลูกค้า

HoonSmart.com>> “เน็ตเบย์” ไตรมาส 3 กำไร 47 ล้านบาท เติบโต 26% จากงวดปีก่อน หนุน 9 เดือนกำไร 135 ล้านบาท โชว์ประสิทธิภาพ “ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ให้บริการธุรกรรมออนไลน์ Software as a Service (SaaS) เติบโตรับยุคดิจิทัล

บริษัท เน็ตเบย์ (NETBAY) ไตรมาส 3 ปี 2562 กำไรสุทธิ 47.31 ล้านบาท เติบโต 26.45% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 135.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ (NETBAY) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจให้บริการทำธุรกรรมทางออนไลน์ผ่านระบบ ‘ดิจิทัล แพลตฟอร์ม’ สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างดี ทำให้ลูกค้ามีทางออกในการแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ 4 จุดได้แก่ เอกสารกระดาษ ภาระต้นทุน การเสียเวลาและความซับซ้อน การเชื่อมโยงในแต่ละจุดต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก

นอกจากการเติบโตจากการให้บริการธุรกรรมออนไลน์บน ดิจิทัล แพลตฟอร์มแล้ว บริษัทฯ ยังได้เปิดกว้างโดยร่วมมือกับทีม Startup ที่มีดีกรีจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกที่มีชื่อเสียงทางด้าน นวัตกรรมเทคโนโลยีและมีประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศกับบริษัทข้ามชาติชั้นนำ (Global Company) หลายปี พร้อมทั้งมีผลงานในการพัฒนาโปรดักต์ที่เกี่ยวข้องกับ บลอคเชน และอื่นๆอีกด้วย

การร่วมมือในครั้งนี้เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนโดยใช้ชื่อว่า บริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อมุ่งมั่น คิดค้น สร้างสรรค์ พัฒนา นวัตกรรม เทคโนโลยี ‘บลอคเชน’ สำหรับการค้าระหว่างประเทศ (Blockchain Facilitating Global Trade Value Chain) โดยมีทุนจดทะเบียนและหุ้น 15,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 1,500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ชำระค่าหุ้นแล้วจำนวน 15,000,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นคือ บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด(มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 60 และบริษัท ฟินโนเวท จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 40

การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนของสองฝ่ายนั้น จะช่วยให้เกิดประโยชน์อย่างลงตัว และเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าทุกภาคส่วนที่อยู่ในระบบ ecosystem ของ Global Trade Value Chain การค้าขายระหว่างประเทศจะได้รับความสะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุน คล่องตัวและปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี “บลอคเชน” ที่นับวันบลอคเชนจะมีบทบาทสำคัญ และได้รับการยอมรับในเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นในเวทีการค้าระหว่างประเทศ