ดาวโจนส์ปิดเด้ง 182 จุด สหรัฐฯ-จีน ยกเลิกเก็บภาษี

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 182 จุด รับสหรัฐฯ และจีนยกเลิกเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน หนุนตลาดหุ้นยุโรปบวกยกแผง ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ที่ 27,674.80 จุด เพิ่มขึ้น 182.24 จุด หรือ 0.66% ทำระดับสูงสุดใหม่ จากนักลงทุนขานรับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังมีจากรายงานข่าวว่า สหรัฐฯกับจีนตกลงที่จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,085.18 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด, +0.27%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,434.52 จุด เพิ่มขึ้น 23.89 จุด,+0.28%

โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า จีนกับสหรัฐฯตกลงที่จะยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่แต่ละฝ่ายได้เรียกเก็บไปแล้วพร้อมๆกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแต่ละฝ่ายที่ได้มีผลไปแล้ว โดยที่ข้อตกลงระยะแรกจะมีการลงนามในอีก 2-3 สัปดาห์ แต่การยเลิกภาษีจะเป็นจำนวนเท่าไร ขึ้นอยู่กับรายละเอียดในข้อตกลง

อย่างไรก็ตามตลาดอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดของวันหลังมีรายงานข่าวว่า ทำเนียบขาวไม่เห็นด้วย

กระทรวงแรงงานเผยการยื่นขอรับสวัสดิการครั้งแรกสัปดาห์ก่อนลดลง 8,000 รายมาที่ 210,000 รายต่ำกว่า 215,000 รายที่นักวิเคราะห์คาก

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยี เซมิคอนดักเตอร์ที่มีฐานธุรกิจในจีนต่างปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโบอิ้งเพิ่มขึ้น 1.47% หุ้นแคทเธอพิลลาร์เพิ่มขึ้น 1.04% หุ้นไมครอนเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.5%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น โดยหุ้นแบงก์อฟอเมริกาเพิ่มขึ้น 1.34% หุ้นซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้น 1.87% หุ้นเจพี มอร์แกน เชสเพิ่มขึ้น 0.54%

ผลการดำเนินงานดีกว่าคาดส่งผลให้หุ้นราล์ฟ ลอเรนเพิ่มขึ้น 14.66%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้น 1.7% ของกลุ่มรถยนต์จากรายงานข่าวว่า สหรัฐฯกับจีนตกลงที่จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่เรียกเก็บจากแต่ละฝ่าย โดยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีนเผยว่า การเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ตกลงที่จะยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน ขณะที่นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า การยกเลิกการเก็บภาษีจำเป็นต่อทั้งสองฝ่ายในการบรรลุข้อตกลงการค้าระยะแรก

ตลาดยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน แต่การปรับตัวขึ้นถูกจำกัดจากรายงานภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหภาพยุโรปที่ลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่มีประเทศสมาชิก 19 ประเทศในปี 2019 จะขยายตัว 1.1% ส่วนปีหน้าจะขยายตัว 1.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพฤษภาคมว่าเศรษฐกิจปี 2019 จะขยายตัว 1.2% และปีหน้าขยายตัว 1.5% เป็นผลจากความตึงเครียดทางการค้า

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,406.41 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด,+0.13%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 405.56 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด, +0.37%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,890.99 จุด เพิ่มขึ้น 24.25 จุด,+0.41%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,289.46 จุด เพิ่มขึ้น 109.57 จุด,+0.83%

หุ้นซีเมนส์เพิ่มขึ้น 5% จากรายได้ไตรมาสสี่เพิ่มขึ้น 8% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ลดลง 0.16% แม้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 35% หุ้นยูนิเครดิตเพิ่มขึ้น 6% หลังกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านยูโรในไตรมาสสามตามประมาณการณ์ หุ้นลุฟท์ฮันซ่าเพิ่มขึ้น 6.84% จากกำไรไตรมาสสามที่เพิ่มขึ้น 4% หุ้นอาร์เซเลอร์ลิตตัลเพิ่มขึ้น 6.7%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 80 เซนต์ปิดที่ 57.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 55 เซนต์ปิดที่ 62.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล