TU เปิดกำไร 1.37 พันลบ.โตเกือบ 5% Q3 ค่าบาทแข็งทำยอดขายลดลง

HoonSmart.com>>ไทยยูเนี่ยนประกาศไตรมาส 3 ปริมาณการขายโต 3.8% ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ยืนยันไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีสหรัฐอเมริกาตัด GSP

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 1,374 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 4.88% เทียบกับกำไรสุทธิ 1,310 ล้านบาท  รวม 9 เดือนแรกปีนี้กำไรสุทธิ 2,758 ล้านบาท เติบโต 26% จากจำนวน 2,189 ล้านบาทในระยะเดียวกันปีก่อน

ไตรมาส 3/2562 บริษัทมียอดขาย 31,838 ล้านบาท หากไม่คำนึงถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน  แต่ปริมาณการขายยังเข้มแข็งและเติบโตอยู่ที่ 3.8% จากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและแช่เย็นและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5,077 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นอยู่ที่ 15.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับในปีก่อนหน้า 15.8%

ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของค่าเงิน

ทั้งนี้ยอดขายจากทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนถึง 38% ทวีปยุโรป 31% ประเทศไทย 13% และตลาดอื่นๆ 18% แม้ปริมาณการขายที่เติบโตถึง 3.8% แต่มูลค่าขายกลับลดลง  เหลือ 31,838 ล้านบาท   ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินสกุลหลักๆ  ได้แก่ เหรียญสหรัฐลดลง 6.9% ปอนด์ลดลง 12% และยูโรลดลง 11%

ยอดขายส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์ของบริษัท 42% เพิ่มขึ้น 1% ที่เหลือ 58% เป็นการผลิตสินค้าให้กับลูกค้าบริษัทต่างๆ   มาจากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป 14,466 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากราคาทูน่าที่ลดลง 17%  และเงินบาทแข็งค่า

ส่วนธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและแช่เย็นมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นถึง 15.2% แต่ราคากุ้งที่ลดลง 9.5% ทำให้ยอดขายของธุรกิจนี้ลดลง 2% อยู่ที่ 12,768 ล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 6.9 % อยู่ที่ 4,604 ล้านบาท อีกทั้งปริมาณการขายยังเติบโตขึ้นอีก 2.6%

“ผลิตภัณฑ์ที่หลายหลายของเราได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 แต่ค่าเงินที่ผันผวนทำให้สินค้าส่งจากประเทศไทยต้องเจอกับสภาวะความท้าทาย ไทยยูเนี่ยนยังคงให้ความสำคัญกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เล็งผลถึงการเติบโตในระยะยาว และพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อลดแรงกดดันในแง่ของการทำกำไร” นายธีรพงศ์ กล่าว

นอกจานี้บริษัทไทยยูเนี่ยนยังยืนยันว่าไม่มีผลกระทบกับการดำเนินงาน  หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศเพิกถอนสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศไทยหลายรายการ นอกจากนี้บริษัท จอห์น เวสต์ ฟู้ดส์ จำกัด บริษัทในเครือ ยังได้ประกาศว่า ศาลได้ตัดสินให้บริษัทไม่มีความผิดใดๆ ในข้อกล่าวหาว่าทำธุรกิจกับการประมงที่ผิดกฎหมายหรือไอยูยู คำตัดสินเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าไทยยูเนี่ยนยึดมั่นในนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส