ราคาน้ำมันในตลาดโลกรูดลงต่อ จากกังวลโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรล นัดประชุม 22 มิ.ย. ดอลลาร์สหรัฐแข็งสูงสุดในรอบ 7 เดือนกดดันด้วย
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.15 ดอลลาร์ มาปิดที่ 66.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนปีนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 75.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์
ด้านบริษัทไทยออยล์ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่องจากความกังวลว่าผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกอาจเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับอุปทานที่หายไปจากเวเนซุเอลาและอิหร่าน จากการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้มีหารือที่จะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมโอเปกวันที่ 22 มิ.ย. 2561
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าการเพิ่มกำลังการผลิตของทั้งสองกลุ่มอาจอยู่ในระดับเพียง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น เนื่องจากระดับดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดน้ำมันยังคงอยู่ในระดับที่ตึงตัว
นอกจากนั้น ตลาดน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาห์สหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน หลังนักลงทุนเพิ่มการลงทุนในเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นแทนที่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาทิเช่น หุ้นและน้ำมัน โดยในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนลดการถือครองสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ลงกว่า 169 ล้านบาร์เรล
สำหรับปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 9.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังคงช่วยหนุนปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบให้เพิ่มขึ้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 11 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
“แนวโน้มสัปดาห์นี้ ไทยออยล์คาดการณ์ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 64 – 69 ดอลลาร์ และ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 73 – 78 ดอลลาร์”