HoonSmart.com>> “อินโดรามา เวนเจอร์ส” เตรียมเปิดขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ตั้งแต่ 4-7 พ.ย.นี้ เคาะดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.00% ต่อปี หวังดึงดูดนักลงทุนวงกว้าง กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000 บาท ด้าน “ทริส เรทติ้ง” ให้เครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ระดับ A แนวโน้ม Stable คงเครดิตองค์กร AA- แนวโน้ม Stable
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ มูลค่าไม่เกิน 15,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ซึ่งเป็นอัตราที่จูงใจสำหรับการลงทุนในภาวะปัจจุบัน เมื่อเทียบอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.50% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีอยู่ที่ 1.40% และอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.49%
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ คาดว่าจะเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 4 – 7 พ.ย.2562 จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท
“เพื่อรองรับการเติบโตและความหลากหลายของธุรกิจ IVL ได้ขยายการบริหารงานทั้งสำนักงานส่วนกลาง สำนักงานภูมิภาค และส่วนธุรกิจต่างๆ ด้วยแนวทางเชิงกลยุทธ์และการเติบโตอย่างมั่นคง ส่งผลให้ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา รายได้และกระแสเงินสดของ IVL เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อการโตเติบอย่างยั่งยืนในระยะยาว”นายอาลก กล่าว
นายซันเจย์ อาฮูจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีมานี้ IVL ได้เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจและสถานะทางการเงินของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการผลิตแบบบูรณาการระดับโลกที่ขยายไปยังทุกภูมิภาคคลอบคลุมตลาดสำคัญๆ ที่มีการบริโภคสูง ซึงความหลากหลายและความเป็นผู้นำเหล่านี้ ทำให้ IVL ได้รับการจัดอับดับการลงทุนที่ดีและจะสามารถยกระดับความแข็งแกร่งของบริษัทได้อย่างเหมาะสม
ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจดังกล่าว ทำให้ในปี 2560 ทริส เรทติ้ง ได้เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของ IVL จาก “A+” แนวโน้ม “Stable” เป็น “A+” แนวโน้ม “Positive” จากนั้นในปี 2561 ได้เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของ IVL อีกครั้ง จาก “A+” แนวโน้ม “Positive” เป็น “AA-” แนวโน้ม “Stable” และเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ จาก “A-“ แนวโน้ม “Stable” เป็น “A” แนวโน้ม “Stable”
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 12 เดือน สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 376,000 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ประมาณ 45,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21,000 ล้านบาท และสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ 38,000 ล้านบาท อีกทั้งยังได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มความแข็งแกร่งด้านสถานะการเงินจากการที่มีการใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนท์ ระหว่างปี 2560 – 2561 ประมาณ 31,000 ล้านบาท และมีการกระจายความหลากหลายของแหล่งเงินทุน ทั้งจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงเงินกู้สีเขียว (Green loans) และการออกหุ้นกู้ทั้งในตลาดการเงินในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ในครั้งนี้