บลจ.กรุงศรีชูจัดพอร์ตกลยุทธ์ 3D รับศก.โลกโตลด-ดอกเบี้ยต่ำ-ผันผวนสูง

HoonSmart.com>> ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยืดเยื้อมานานหลายปี กดดันให้ธนาคารกลางของหลายประเทศหั่นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้วิกฤต ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในภาวะต่ำ มุมมองจากงานสัมมนา “ปรับพอร์ตเชิงรับ จัดทัพสู่ความผันผวน” ซึ่งจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี แนะนำกลยุทธ์ลงทุนเพื่อรักษาผลตอบแทนที่ดี ตอบโจทย์สภาวะโลกในปัจจุบัน

นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกในตอนนี้เป็น 3 ลักษณะ คือ 1.เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตในระดับต่ำ 2.อัตราดอกเบี้ยลดลง 3.ตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว แต่เศรษฐกิจถดถอยจะเกิดหรือไม่ หรือเลื่อนเวลาออกไปยังคาดได้ยาก จึงมองเศรษฐกิจในขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วง Late cycle หรือการขยายตัวช่วงสุดท้าย นั่นหมายความว่า เศรษฐกิจยังมีการเติบโต แต่มีอัตราที่ลดลง

เกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์

“Diversify-Defensive-Dividend”
สำหรับ “พอร์ตการลงทุน” ที่แนะนำนักลงทุนรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยกลยุทธ์ 3 D คือ Diversify (กระจายความเสี่ยง) Defensive (ป้องกันความเสี่ยง) และ Dividend (เน้นการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสด)

“Diversify คือ การกระจายการลงทุน เป็นหัวใจสำคัญหลัก นอกจากกระจายหลากสินทรัพย์แล้ว ต้องกระจายหลายประเทศ ไม่ใช่ลงทุนแต่ในประเทศ ขณะที่ Defensive เน้นหุ้นบริษัทที่มีรายได้ กำไรสม่ำเสมอ อาจไม่ต้องโตสูงๆ แต่ขอให้โตได้ต่อเนื่อง ส่วน Dividend การลงทุนในหุ้นหรือตราสารที่มีการจ่ายปันผล จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงได้”นายเกียรติศักดิ์ กล่าว

สำหรับกองทุนที่สามารถตอบโจทย์การลงทุนในสภาวะโลกในปัจจุบัน ได้แก่ กองทุนกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิคิวตี้ปันผล (KF-GBRAND) ซึ่งลงทุนหุ้นที่มีแบรนด์ชั้นนำ ผ่านกองทุนรวม Morgan Stanley Investment Fund – Global Brands Fund (Class Z) และกองทุนกรุงศรีโกลบอลพร็อพเพอร์ตี้ปันผล (KF-GPROPD) ซึ่งเป็นกองทุน REITs ที่ลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกผ่านกองทุนรวม Janus Henderson – Global Real Estate Fund


“กองทุน KF-GBRAND เลือกการลงทุนในหุ้นที่ไม่ซับซ้อน เห็นแหล่งที่มาของรายได้ กำไรชัดเจน และมีคุณภาพของรายได้ กำไร ตัวผู้บริหาร และกองทุน KF-GPROPD เป็นการเพิ่มรีเทิร์นให้กับพอร์ต เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงผ่อนคลาย ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่ออสังหาริมทรัพย์ และยังมีการปรับขึ้นค่าเช่าต่อเนื่อง รวมถึงในช่วงที่ตลาดผันผวนกลุ่มธุรกิจยัง outperform ได้ดี”นายเกียรติศักดิ์ กล่าว

เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นเป้าหมายของกองทุน KF-GBRAND น้้นพบว่าในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ตลาดผันผวน หรือหุ้นตก หุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคยังแข็งแกร่ง เป็นหุ้นที่ outperform เวลาที่ตลาดปรับตัวลงหุ้นกลุ่มดังกล่าวก็ปรับตัวลงไม่มาก

“แบรนด์คุณภาพ ราคาเหมาะสม”
Ms. Laura Bottega หนึ่งในทีมผู้จัดการกองทุนจาก Morgan Stanley Investment Funds – Global Brands Fund (Class Z) กล่าวว่า จุดเด่นของกองทุน KF-GBRAND คือ กลยุทธ์เชิงรับเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วยการเลือกสินทรัพย์คุณภาพที่เป็นบริษัทที่มี ”แบรนด์” สินค้า มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ของตลาด มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน แบรนด์เป็นตำนาน เก่าแก่ มีอำนาจขึ้นราคา มีลูกค้ามาซื้อซ้ำๆ และพร้อมจ่ายเงินซื้อสินค้า และที่สำคัญ กองทุนพิจารณาราคาต้องเหมาะสมในการเข้าลงทุนเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและรักษาระดับผลตอบแทนที่ดี

ปัจจุบันกองทุนมีการกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 39% กลุ่มไอที 29% กลุ่มเฮลธ์แคร์ 17% และกลุ่มอื่นๆ ข้อมูล ณ 30 มิ.ย.2562

“REIT ทั่วโลกยังเติบโต
น.ส.ลดาวัลย์ อรุณยิ่งมงคล Senior Sales Manager, Wholesale Distribution (Southeast Asia), Janus Henderson Investors กล่าวว่า ผู้จัดการกองทุนมองว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ควรมีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต เพราะจะช่วยเพิ่มรายได้ กำไรและลดความเสี่ยงของพอร์ตลง ซึ่งเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีระดับราคาที่น่าสนใจ และอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนมีราคาถูกกว่าสินทรัพย์ที่อยู่นอกตลาด

อีกทั้งสินทรัพย์ของกองทุนมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีภาคธุรกิจที่มีการเติบโตจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้กระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยังสินทรัพย์ได้หลากประเภทมากขึ้น มีสภาพคล่องสูง สร้างรายได้จากค่าเช่าสม่ำเสมอ มีอัตราการเติบโตของค่าเช่าเพิ่มขึ้นทุกปี และมีโอกาสได้ส่วนต่างผลกำไรจากมูลค่าอสังหาฯ ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงสามารถรักษาผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว บนความเสี่ยงที่น้อยกว่า

สำหรับอัตราผลตอบแทนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ย้อนหลัง 15 ปี (2004-2019) เฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี เมื่อเทียบกับหุ้นมีผลตอบแทนเฉลี่ย 7.6% ต่อปีและตราสารหนี้อยู่ที่ 4.6% โดยผลตอบแทนค่อนข้างมั่นคงและยั่งยืนจากค่าเช่า

“ตลาดขาลง-กองทุนลงน้อยกว่า”
สิ่งที่่ทั้งสองกองทุนเหมือนกัน คือ ความมี Defensive อยู่ในตัวเอง เห็นได้จากผลงานบริหารกองทุนในอดีตที่ผ่านมา

“สถิติตั้งแต่ปี 2000 กองทุน KF-GBRAND สามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในช่วงตลาดขาขึ้นและทำผลงานได้ดีกว่าตลาดเมื่ออยู่ในช่วงขาลงเมื่อเทียบกับดัชนี MSCI World ซึ่งมีผลตอบแทนติดลบถึง 6 ครั้งในรอบ 18 ปี แต่กองทุนติดลบเพียง 2 ครั้งและเป็นการติดลบที่น้อยกว่าตลาด ถือเป็นการปกป้องการ Downside และยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกองทุนได้เป็นอย่างดี” Ms. Laura กล่าว

ด้านน.ส.ลดาวัลย์ กล่าวว่า สำหรับผลตอบแทนของกองทุน KFGPROP ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบดัชนี MSCI World หากตลาดปรับตัวลง 100% กองทุนจะลดลงน้อยกว่าอยู่ที่ 80% เท่านั้น และในช่วงที่ตลาดผันผวนหนักๆ ปลายปีก่อนกองทุนก็ Outperform และฟื้นตัวก็เร็วกว่าเช่นเดียวกันใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนที่กองสามารถกลับมาอยู่จุดเดิม เทียบ Global Property ใช้เวลา 6-7 เดือน จึงมีความ Defensive อยู่ในกองเช่นกัน

สำหรับนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของทั้งสองกองทุนจะป้องกันเต็มจำนวน และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2562 บลจ.กรุงศรี ได้เพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทึนที่ไม่เน้นรับเงินปันผล แต่อยากให้เงินลงทุนสะสมต่อเนื่อง จึงแยก share class ของทั้งสองกองทุน คือ Class A สะสมมูลค่า ไม่มีจ่ายเงินปันผล และ Class D แบบมีเงินปันผล เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม

ไม่ว่าตลาดจะผันผวนแค่ไหน หากนักลงทุนเตรียมรับมือจัดพอร์ต กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลายและเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มี “คุณภาพ” มีกระแสเงินสด “ปันผลได้สม่ำเสมอ” น่าจะช่วยต้านทานความไม่แน่นอนของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะ “ถดถอย” หรือไม่ก็ตาม