LHHOTEL ลงทุนเพิ่มรร.แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท55 มูลค่า 4.3 พันลบ.

HoonSmart.com>> กองทรัสต์ LHHOTEL ชงผู้ถือหน่วยไฟเขียวลงทุนเพิ่ม “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55” มูลค่าไม่เกิน 4,300 ล้านบาท เตรียมเพิ่มทุนไม่เกิน 3,300 ล้านบาท พร้อมกู้เงินสถาบันการเงิน หนุนกระจายรายได้เพิ่มจากปัจจุบันลงทุน 2 โรงแรม ทั้งดันขนาดกองใหญ่ขึ้นเพิ่มสภาพคล่องดึงดูดนักลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โอเท็ล (LHHOTEL) แจ้งว่า คณะกรรมการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของผู้จัดการกองทุนทรัสต์ LHHOTEL มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ เพื่อพิจารณาอนุมัติการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 4,300 ล้านบาท

กองทุนทรัสต์ LHHOTEL จะลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ไม่รวมที่ดิน ในอาคารโรงแรมสูง 24 ชั้น ห้องพัก 442 ห้อง พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 18,139 ตารางเมตร รวมพื้นที่จอดรถภายในอาคาร ระยะเวลาเช่าประมาณ 27 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2590 โดยโรงแรมเปิดดำเนินงานตั้งแต่เดือนพ.ย.2559 นอกจากนี้ลงทุนในกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือและเครื่องใช้ รถบริการรับ ส่งลูกค้า รวมถึงสิทธิ์ที่เกี่ยวเนื่องกับทรัพย์สินซึ่งตั้งอยู่ในโครงการโรงแรม จากบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โอเทล

สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนเพิ่มนั้น กองทุนทรัสต์ LHHOTEL จะเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 3,300 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเเดิม 5,379.20 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 10 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนไม่เกิน 8,679.20 ล้านบาท โดยออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มไม่เกิน 330 ล้านหน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 10 บาท ในราคาเสนอขายที่อ้างอิงจากผลสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) จัดสรรหน่วยทรัสต์ไม่ต่ำกว่า 50% เสนอขายผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและหากเหลือจะจัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง ได้แก่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของผู้จำหน่ายทรัพย์สินแก่กองทรัสต์และหรือบริษัทในเครือในจำนวนไม่เกิน 15% ของหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม แและหากมีหน่วยทรัสต์เหลือจากการจัดสรรทั้งสองส่วน จะจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัดและหรือประชาชนทั่วไปตามที่เห็นสมควร

นอกเหนือจากเพิ่มทุนแล้ว กองทุนทรัสต์ LHHOTEL จะกู้ยืมเงินจากธนาคารและหรือสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งนี้ ก่อนการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มกองทรัสต์มีเงินกู้ยืมจำนวนประมาณ 1,598 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 19% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2562 ซึ่งภายหลังการลงทุน เงินกู้ยืมของกองทรัสต์จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5,898 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 47.5% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ภายหลังการลงทุนเพิ่ม

อย่างไรก็ดีสัดส่วนการกู้ยืมเงินของกองทรัสต์หลังลงทุนเพิ่มยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของก.ล.ต. ซึ่งกำหนดให้กองทรัสต์กู้ยืมเงินได้ไม่เกิน 35% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์หรือไม่เกิน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมสำหรับกองทรัสต์ที่อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์คาดว่าจะลงทุนเพิ่มภายในปี 2562

การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะลดภาระหนี้สินของกองทรัสต์ เนื่องจากการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม โดยหากการเพิ่มทุนประสบความสำเร็จ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2563 หนี้สินรวมของกองทรัสต์จะลดลงเหลือไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินรวม

สำหรับวัตถุประสงค์ในการการลงทุนเพิ่มเป็นการเพิ่มและขยายกลุ่มผู้พักอาศัยเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเพิ่มฐานอุปสงค์ที่หลากหลายของผู้ใช้บริการมากขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของแหล่งรายได้ของค่าเช่าของกองทรัสต์ได้ในคราวเดียว

นอกจากนี้การเพิ่มทุนจจะส่งผลให้กองทุนทรัสต์ LHHOTEL มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นที่สนใจต่อนักลงทุนและคาดว่าจะเสริมให้เกิดสภาพคล่องในตลาดรอง อีกทั้งจะสามารถกระจายความเสี่ยงของการจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นจากอสังหาริมทรัพย์ที่กองทรัสต์จัดหาผลประโยชน์อยู่ในปัจจุบัน โดยกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยในวันที่ 5 พ.ย.2562

ปัจจุบันกองทรัสต์ LHHOTEL มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 6,825.49 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย.2562 โดยลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ของโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 เป็นระยะเวลา 25 ปี (ถึง 31 สิงหาคม 2583) และสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เป็นระยะเวลาประมาณ 21 ปี (ถึง 31พฤษภาคม 2581)