SCBS เตือนเฟดทำเศรษฐกิจเสี่ยง เน้นหุ้นปันผล-ทอง-กองทุนมั่นคง

HoonSmart.com>>บล.ไทยพาณิชย์มองบวกหุ้นสหรัฐ-จีน ส่วนไทยให้ปกติ แนะนำหุ้น GLOBAL ดักซื้อก่อนกำไรพลิกกลับไตรมาส 4 ให้เป้าราคา 19 บาท เตือนนักลงทุนระยะยาว ระวังจะเกิด Inverted Yield Curve อีกครั้ง หลังเฟดส่งสัญญาณโอกาสจะลดดอกเบี้ยอีกมีน้อยลง สะท้อนผ่อนปรนนโยบายการเงินที่น้อยและช้าเกินไป

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) วิเคราะห์การลงทุนในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ (23-27 ก.ย.2562) ว่า มีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐ และจีน หลังผ่อนคลายนโยบายการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนตลาดหุ้นไทยให้น้ำหนักเท่ากับตลาด แนะนำหุ้นบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL)  รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่  กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน(IFF) หุ้นกู้เอกชนที่มีสถานะทางการเงินดี หุ้นปันผลและทองคำ

การลงทุนในทองคำ มีผลดีทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต และช่วยเพิ่มโอกาสให้ผลตอบแทนสูงขึ้นและมั่นคง  ช่วงราคาที่น่าลงทุนรอให้อ่อนตัวลงบริเวณ 1,450 – 1,500 เหรียญ/ออนซ์

บล.ไทยพาณิชย์แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เพราะเชื่อว่าจะเกิด Inverted Yield Curve อีกครั้ง จากสัญญาณที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งว่าโอกาสจะลดดอกเบี้ยอีกมีน้อยลง โดยพร้อมจะลดดอกเบี้ยหาก เศรษฐกิจแย่ลงนั้น เป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่น้อยและช้าเกินไป เชื่อว่า ความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐรวมถึงเศรษฐกิจโลกจะมีมากขึ้น หากเฟดไม่สามารถทำให้ตลาดเชื่อว่าจะผ่อนคลายการเงิน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นได้แล้ว อาจนำไปสู่ภาวะ Inverted Yield Curve ขึ้นอีกครั้ง ทำให้เกิดกระแส Risk-off นำไปสู่ความปั่นป่วนในตลาดการเงินและอาจลามมาสู่ภาคเศรษฐกิจจริงได้

“การประชุมเฟดล่าสุด ไม่ได้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย  ในระยะยาวไม่เป็นผลบวกนักต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าธปท.อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้งในปีนี้ แม้ว่าอาจจะไม่ปรับลดในการประชุมวันที่ 25 ก.ย.นี้ก็ตาม ”

สำหรับปัจจัยที่แนะนำหุ้น GLOBAL ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย คาดว่าไตรมาส 3/2562 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ แต่ถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 9.5% สวนทางดัชนีกลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10.4% ขณะที่ไตรมาส 4 คาดผลกำไรจะมีพัฒนาการเชิงบวก ก่อนพลิกโตสดใสอีกครั้งในปี 2563 จึงมองเป็นโอกาสดีที่จะทยอยเข้าซื้อสะสมก่อนกำไรจะเริ่มฟื้นตัว ฝ่ายวิจัยคาดปี 2562 มีกำไรปกติ 1,890 ล้านบาท หดตัว 5.2% จากปีก่อน แต่จะพลิกเติบโต 13.7%ในปี 2563 พร้อมปรับราคาเป้าหมาย กลางปี 2563 ที่หุ้นละ 19 บาท และคาดมีเงินปันผลของปีนี้หุ้นละ 0.15 บาท

ส่วนภาวะตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่าน (16-19 ก.ย. 2562) ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลง 0.2% โดยตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ลดลง 0.1% และ 1% ตามลำดับ