“ดาวโจนส์” ปิดบวก หลัง “เฟด” ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์(Dow Jones industrial average) ปิดตลาดวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ 24,886.81 จุด เพิ่มขึ้น 52.40 จุด หรือ 0.21 % ด้วยแรงซื้อที่กลับมาในช่วงท้ายตลาดหลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐประจำวันที่ 1-2 พฤษภาคม ทำให้นักลงทุนคลายกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย
รายงานที่ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเงินเฟ้อจะยืนที่ระดับ 2 % เพราในหลายปีที่ผ่านมาเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดมาต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนมองว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วนั้นลดลง โดยจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME พบว่ามีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งภายในปีนี้ลดลงทันที
อย่างไรก็ตามในระหว่างวันตลาดเคลื่อนไหวในแดนลบ เพราะนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ หลังจากที่การพบปะระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่กำหนดไว้ในเดือนหน้ามีความเป็นไปได้ที่จะไม่เกิดขึ้น
ยังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้มาตรการทางการค้าเพื่อลดการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากสหภาพยุโรปลงประมาณ 10%
ขณะเดียวกันความกังวลต่อฐานการคลังของสหรัฐอาจจะกลับมาหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า คณะรัฐบาลจะนำมาตรการการลดภาษีเสนอต่อรัฐสภาภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเป็นมาตรการพิเศษ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,733.29 จุด เพิ่มขึ้น 8.85 จุด หรือ +0.32%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,425.96 จุด เพิ่มขึ้น 47.50 จุด หรือ +0.64%
ทางด้านตลาดยุโรปปิดลดลง ท่ามกลางความวิตกต่อข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนหลังจากประธานาธิบดีทรีมป์กล่าวว่าไม่พอใจกับผลการเจรจาการค้ากับจีน และราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัว รวมทั้งตัวเลขดัชนี PMI ที่ลดลงมาอยู่ที่ 54.1 ต่ำสุดในรอบ 18 เดือนซึ่งต่ำกว่า 55.1 ที่นักวิเคราะห์คาดไว้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นลอนดอนลงน้อยกว่าตลาดอื่น เพราะมีแรงหนุนจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง ที่ส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มที่มีรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศเป็นหลัก
ค่าเงินปอนด์อ่อนตัว 0.225% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์มาอยู่ที่ 1.3305 หลังจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ 2.4% ของเดือนเมษายน
หุ้นธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเพิ่มขึ้น 1.3% มาปิดที่ 777.1 ปอนด์ ด้วยรายงานข่าวไฟแนนซ์เชียลไทมส์ระบุว่า เป็นเป้าหมายของการควบรวมจากธนาคารบาร์เคลย์ ขณะที่หุ้นบาร์เคลย์ลดลง 1 เพนนี มาปิดที่ 209.8 ปอนด์
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,788.44 จุด ลดลง 89.01 จุด% ,-1.13%
ดัชนี Stoxx Europe 600 index ปิดที่ 392.58จุด ลดลง 4.36 จุด, -1.10%
ดัชนี DAX 30 ปิดที่ 12,976.84 จุด ลดลง 193.08 จุด,-1.47%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,565.85 จุด ลดลง 74.25 จุด, -1.32%
สำหรับราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ(EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และตลาดยังคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปคจะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนมิถุนายน เพื่อชดเชยการผลิตน้ำมันในอิหร่านและเวเนซูเอล่าที่อาจจะลดลง จากการที่สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตร อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ต้นปีราคาน้ำมันดิบไปปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 20%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 36 เซนต์ ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ ปิดที่ 79.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์