บลจ.วรรณ ออก”กองหุ้นอินเดีย” เชื่อตลาดเกิดใหม่เติบโตหนุนราคาหุ้น

บลจ.วรรณ ไม่หวั่นหุ้นผันผวน เชื่อตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ยังเติบโตตามเศรษฐกิจโลกและนโยบายการเงินที่ยังเอื้อต่อภาคธุรกิจ พร้อมเปิดขายกองทุนเปิด วรรณ อินเดีย ออพพอร์ทูนิตี้ (ONE-INDIAOPP) ชูกลยุทธ์ Selective Stock เลือกหุ้นแบบ Bottom up ไม่อ้างอิงดัชนีตลาด เปิดขายครั้งแรก 26 ก.พ.-12 มี.ค.61

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวผันผวน แต่การเติบโตของเศรษฐกิจในแถบประเทศเกิดใหม่(Emerging Market) ยังคงสามารถเติบโตได้ในระดับสูง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย(EM Asia) ซึ่งหากพิจารณาจากตัวเลขการเติบโตของ GDP ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยปีนี้คาดว่า GDP อยู่ที่ ประมาณ 6.1% โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เอื้อผลดีต่อภาคการส่งออก ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หรือราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม ย่อมเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจเอกชนในด้านการเติบโตของผลประกอบการ

พจน์ หะริณสุต

นอกจากนี้นโยบายทางการเงินยังอยู่ในลักษณะผ่อนคลายอัตราเงินเฟ้อยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว บ่งชี้ได้ว่า ธนาคารกลางของหลายๆประเทศใน EM ยังคงดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมองว่า อัตราแลกเปลี่ยนจะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากการดุลบัญชีเดินสะพัดที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของอินเดียที่คาดว่าปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่นในระดับประมาณ 7%

ในส่วนเศรษฐกิจของประเทศอินเดียที่มีการเติบโตของตลาดแรงงานในระยะยาว โดยคาดว่าจะเพิ่มมากกว่า 60% บ่งชี้ได้ว่า การเติบโตของสังคมเมืองจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ส่งผลดีกับรายได้ต่อบุคคลซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 15% ขณะที่ภาครัฐจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานเพื่อปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคในชนบท เป็นการวางรากฐานสังคมเมืองรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ อีกทั้งยังช่วยให้ประชากรใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งประหยัดต้นทุนการใช้พลังงานของภาครัฐและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

ด้านความกังวลของอัตราเงินเฟ้อปีนี้ คาดว่า อินเดียจะมีการเติบโตของอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบของธนาคารกลางอินเดียในกรอบ 4% แม้ว่า แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะเพิ่มขึ้นทำให้คาดว่า ธนาคารกลางอินเดีย(RBI) ยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลดีต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจในด้านการลงทุน

นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นอินเดียจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่หากพิจารณาในระยะยาวเปรียบเทียบแนวโน้มการเติบโตผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในอนาคต ณ ระดับ P/E ที่ระดับ 18.5 เท่า ROE ประมาณ 15.8% จากปีก่อน 14.6% บริษัทมองว่า ตลาดหุ้นอินเดียยังน่าสนใจ ดังนั้นจึงพิจารณาเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด วรรณ อินเดีย ออพพอร์ทูนิตี้ (ONE-INDIAOPP) ระหว่างวันที่ 26 ก.พ. – 12 มี.ค.61 โดยลทุนในกองทุน PINEBRIDGE INDIA EQUITY FUND เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวในประเทศอินเดีย ซึ่งจะเน้นคัดเลือกหุ้นในลักษณะ Bottom up จากบริษัทที่ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตในระยะยาวรวมถึงมีผลการดำเนินงานที่ดีกองทุน ONE-INDIAOPP ยังเน้นนโยบายกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมลดความเสี่ยงในการกระจุกตัวของอุตสาหกรรมและมีการลงทุนที่ยืดหยุ่นตามสภาวะตลาด

“กองทุน ONE-INDIAOPP จะเน้นลงทุนแบบ Selective Stock ในหุ้นที่คาดว่า มีแนวโน้มการเติบโตในระดับสูงและมีราคาต่ำโดยเฉพาะมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้ง กลุ่มหุ้นที่ PINEBRIDGE เลือกลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม IT Healthcare ซึ่งแตกต่างจากบริษัทจัดการอื่นๆที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พลังงาน ดังนั้น หากผู้ลงทุนที่สนใจกระจายการลงทุนในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และเน้นลงทุนจากหุ้นที่เติบโตจากปัจจัยพื้นฐาน โดยไม่อ้างอิงกับดัชนีตลาดฯ กองทุน ONE-INDIAOPP ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ”นายพจน์กล่าว

นายพจน์ กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพิจารณาออกกองทุนในแถบประเทศ EM เพิ่มเติมคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนหน้า ซึ่งแผนการเสนอขายกองทุนดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่กับผู้ลงทุนให้มีความหลากหลายและรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีเข้ามาในขณะนี้