“BTS” แข็งแกร่งทุกธุรกิจ ปั้นรายได้โตปีละ25%

BTS มั่นใจเติบโตแข็งแกร่ง หลังรื้อโครงสร้างธุรกิจลูก “อสังหาฯ-โฆษณา” ด้าน “คีรี” ลั่น BTS มีที่ดินในมือมูลค่านับหมื่นล้านบาทรอขายเพื่อพัฒนาอสังหาฯ พร้อมเข้าร่วมประมูลก่อสร้างระบบขนส่งภาครัฐทุกโครงการ ดันรายได้เติบโตตามเป้าเฉลี่ยปีละ 25%

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า อีก 5 ปีจากนี้ หรือปี 2561-65 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 25% โดยรายได้หลักจะมาจากธุรกิจบริการเดินรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ (รถไฟฟ้าBTS) อีกทั้ง BTS จะเข้าประมูลโครงการภาครัฐภายใต้กลุ่มบีเอสอาร์ (BTS-STEC-RATCH) เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) และสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ)

“รถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเดือนธ.ค.นี้ และอีก 2 ปีสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) จะเปิดเดินรถ ซึ่งจะป้อนคนให้รถไฟฟ้า BTS อีกมาก จากปัจจุบันที่มีคนใช้ 8 แสนคนต่อวัน จากนั้นเมื่อสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) เปิดเดินรถ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS เพิ่มเป็น 2 ล้านคนต่อวัน ส่วนโครงการก่อสร้างระบบขนส่งเราพร้อมเข้าประมูลทุกโครงการ”นายคีรีระบุ

คีรี กาญจนพาสน์

ขณะเดียวกัน BTS จะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากบริษัท ยู ซิตี้ (U) ที่มีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ 70% และในประเทศ 30% รวมทั้งมีรายได้จากการร่วมทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กับบริษัท แสนสิริ (SIRI) ซึ่งปัจจุบันมี 25 โครงการ และเตรียมเปิดอีก 3 โครงการ ขณะที่ BTS ยังมีที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเหลืออยู่มูลค่านับหมื่นล้านบาทที่จะขายให้ U หรือนำไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับ SIRI ซึ่งจะสร้างรายได้ได้อีกมาก

“ตอนที่รถไฟฟ้าเกิด ผมมั่นใจว่าอสังหาริมทรัพย์จะต้องมาแน่ จึงซื้อที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเอาไว้ บังเอิญมีเงินเหลือน้อยไปหน่อย เลยซื้อได้ไม่มาก ซึ่งตอนนี้ที่ดินหลายแปลงได้นำมาพัฒนาร่วมกับ U บ้าง ร่วมกับ SIRI บ้าง แต่ยังเหลืออีกหลายแปลงมูลค่าก็เป็นหมื่นล้าน และเพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน BTS คงไม่ลงไปทำอสังหาริมทรัพย์แข่งกับ U แต่จะนำที่ดินที่มีอยู่ขายต่อ หรือนำที่ดินบางส่วนไปพัฒนาร่วมกับ SIRI ซึ่งเป็นเบอร์1ด้านนี้”นายคีรีกล่าว

นายคีรี ยังระบุว่า BTS จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโฆษณาของบริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ซึ่ง BTS และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ถือหุ้นรวมกันมากว่า 70% โดยล่าสุด VGI ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการโฆษณาใหม่ ซึ่งทำให้ VGI เติบโตในทิศทางที่ถูกต้องและตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า

นายคีรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยย้ำว่า คาดว่าภายในเดือนนี้ภาครัฐจะประกาศทีโออาร์การประมูลออกมา ซึ่ง BTS และพันธมิตรในกลุ่มบีเอสอาร์ พร้อมจะพิจารณาเข้าร่วมประมูลได้ทันที หากเห็นว่าทีโออาร์มีความสมเหตุสมผล เนื่องจากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้ศึกษาโครงการไว้ล่วงหน้าแล้ว และขอยืนยันอีกครั้งว่าโครงการนี้บริษัทไทยลงทุนสร้างเองได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องหาต่างชาติมาร่วมลงทุน

“เราและพันธมิตรมีความพร้อมทั้งในเรื่องความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ และมีความพร้อมเรื่องแหล่งเงินทุก อย่างวันก่อนผมนั่งกินน้ำชากับนายแบงก์ เขาบอกว่าอย่าลืมกันนะครับ แต่หากจะมีต่างประเทศมาร่วมลงทุนก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศ ส่วนการร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท ปตท (PTT) ในการลงทุนโครงการนี้ เราและปตท.ต่างก็สนใจ แต่ต้องรอให้ทีโออาร์ออกมาก่อน”นายคีรีกล่าว

นายคีรี ยังกล่าวว่า ขณะนี้พันมิตรในกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ คือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ (RATCH) ได้ขอเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบีเอสอาร์ โดย BTS จะพิจารณาในเรื่องนี้ และจะยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นลงจาก 75% แต่จะถือหุ้นในบีเอสอาร์ไม่ต่ำกว่า 50% โดยปัจจุบัน BTS ถือหุ้นในบีเอสอาร์ 75% STEC ถือหุ้น 15% และ RATCH ถือหุ้น 10%