‘แบงก์แมคควอรี่’เดินหน้าซื้อหุ้นไทย

นักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นไทยกว่า 1 แสนล้านบาท แบงก์แมคควอรี่ สวนทางทยอยเก็บหุ้นเพิ่มทุนพีพีของบจ. ล่าสุดซื้อหุ้น STAR จำนวน 16.88% หลังจากเก็บ VTE – CHO -ECF

ธนาคาร แมคควอรี่ (Macquarie Bank) เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทจดทะเบียนเสนอขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(พีพี) สวนทางกับแรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศที่มีมากถึง 104,070 ล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 22 พ.ค.2561 ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 53,465 ล้านบาทและสถาบันไทยซื้อสุทธิ 47,453 ล้านบาท

ล่าสุด ธนาคารแมคควอรี่ ซื้อหุ้นเพิ่มทุนพีพีของบริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค (STAR) จำนวน 55 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็นจำนวน 16.88% ของทุนชำระแล้วหลังเพิ่มทุน เป็นไม่เกิน 322,954,971.50 บาท

ก่อนหน้านี้ ธนาคารแมคควอรี่ ติดหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนพีพีของบริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) ชื่อเดิม บริษัท วินเทจ วิศวกรรม (VTE) จำนวน 47 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ VTE ต้องการเงินใช้ชำระหนี้และสร้างโรงไฟฟ้ามินบูในประเทศเมียนมา ผ่านบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด จึงเสนอขายหุ้นพีพีให้กับนักลงทุนหลายกลุ่ม เช่น การแลกหุ้นของบริษัทฯกับบริษัทพลังงานเพื่อโลกสีเขียวของ บริษัท โนเบิล เพลนเน็ต พีทีอี แอลทีดี รวมถึงการขายพีพีให้ บริษัท ไฮเทค ยูทีริตี้ ผู้นำให้บริการด้านธุรกิจสาธารณูปโภค และนายธัญชาติ กิจพิพิธ ผู้ก่อตั้ง บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) ซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ความสามารถทางด้านธุรกิจพลังงานมาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

อย่างไรก็ตามขณะนี้ VTE ยกเลิกการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) แล้ว

ธนาคารแมคควอรี่ ยังได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค (ECF) เมื่อวันที่ 8 ม.ค.251 จำนวน 300,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 5.70 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 1.71 ล้านบาท

ทางด้าน บริษัท ช ทวี(CHO) เมื่อวันที่ 2 มี.ค. เสนอขายหุ้นพีพีให้กับ ธนาคารแมคควอรี่ จำนวน 10 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.5913 บาท ได้รับเงินทั้งสิ้น 15.79 ล้านบาท

โดยนายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี เปิดเผยแผนธุรกิจในปี 2561ว่า มุ่งมั่นขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทยอยส่งมอบงานต่อเนื่อง โดยทยอยส่งมอบงานในมือสูงกว่า 6,000 ล้านบาท และเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ หลังจาก ไตรมาส 1 มีรายได้รวม 870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308.82% กำไรสุทธิ 33.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146.30% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา