BANPU ทุ่ม 5 พันลบ. ซื้อคืน 385 ล้านหุ้น ราคาต่ำบุ๊ก แจกปันผล 3%

HoonSmart.com>>หุ้นพลังงานหลายตัวนิวโลว์ในรอบ 1 ปี บ้านปูทนไม่ไหว แถมราคายังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี  บอร์ดอนุมัติซื้อหุ้นคืน 7.50% เริ่มตั้งแต่ 13 ก.ย.62 จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท เรียกความเชื่อมั่นผู้ลงทุน PTTGC ซื้อล็อตแรก 4 แสนหุ้นแล้วหยุด ตลาดหุ้นวันที่ 29 ส.ค. กลุ่มพลังงานวิ่งนำตลาด หนุนดัชนีพุ่งแรง 22 จุด

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2562 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5,000 ล้านบาท จำนวน 385 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 7.5% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.2562 ถึง 10 มี.ค.2563

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2562-28 ส.ค.2562 เท่ากับ 13.19 บาทต่อหุ้น ล่าสุดวันที่ 29 ส.ค. ราคาปิดที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาทหรือ 2.68%

วัตถุประสงค์ในการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตราส่วนทางการเงินดีขึ้น จากจำนวนหุ้นที่ลดลง ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ดีขึ้น ส่งผลให้การประเมินมูลค่าต่อหุ้นพื้นฐานสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณแก่ผู้ลงทุนถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท และความเชื่อมั่นต่อความสามารถในการทำกำไร มูลค่าพื้นฐานน่าจะมีมูลค่าที่สูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบันที่ปรับลดลงจากภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน

ในช่วงนี้ หุ้น BANPU ปรับตัวลงมาต่ำสุดที่  11 บาท นับว่าต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี (นิวโลว์) ขณะที่ราคาสูงสุดอยู่ที่ 20.50 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากกว่า 50% ส่งผลกระทบให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ลดลงเหลือเพียงประมาณ 59,362 ล้านบาท เทียบกับปี 2559 อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท  ปัจจุบันราคายังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (บุ๊ก) ที่ 15.15 บาท สิ้นไตรมาส 2/2562

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 12 ก.ย. 2562 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 ก.ย. 2562 ทั้งนี้เงินปันผลคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 3.04% เทียบกับราคาหุ้นที่ 11.50 บาท

ก่อนหน้านี้ นางสมฤดีกล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวลงแรงเกิดจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นมีนักลงทุนรายบุคคลสูงถึง 50% ทำให้การตัดสินใจลงทุนมักจะอาศัยข้อมูลจากนักวิเคราะห์ ที่ยังคงให้น้ำหนักกับราคาถ่านหินเหมือนในอดีต แม้ว่าธุรกิจของบ้านปูจะก้าวหน้าไปมาก บ้านปูเป็นบริษัทพลังงานครบวงจรแล้ว

นอกจากนี้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงหลังจากนักลงทุนเห็นกำไรสุทธิเพียง 3 ล้านเหรียญ ในไตรมาส 2 ซึ่งการลงทุนในหุ้นบ้านปู ไม่ควรดูเฉพาะผลงานบรรทัดสุดท้าย เพราะจะผันผวนตามอัตราแลกเปลี่ยน ในไตรมาส 2 เงินบาทแข็งค่ามากประมาณ 10% ทำให้บ้านปูมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนทางบัญชีถึง 41 ล้านเหรียญ ในความเป็นจริง มีกำไรจากการดำเนินงานปกติถึง 44 ล้านเหรียญสหรัฐ ดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และในทางกลับกัน หากค่าเงินบาทอ่อนก็จะมีผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิดีขึ้น ดังนั้นนักลงทุนควรพิจารณากระแสเงินสดที่ทำได้มากกว่า  โดย 6 เดือนแรกปีนี้ มีกระแสเงินสดประมาณ 400 ล้านเหรียญ และบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง รวมถึงการดำเนินงานและธุรกิจมีความยั่งยืน เห็นได้จากการได้รับเลือกเข้าสู่ดัชนี DJSI ติดต่อกัน 5 ปี

ด้านบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บอร์ดมีมติเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนมานานหลายเดือน ราคายังไหลไม่อยู่ลงไปต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 51 บาท บริษัทเพิ่งเริ่มซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 26 ส.ค.2562 จำนวน 400,000 หุ้น ราคาต่ำสุดและสูงสุดอยู่ที่ 51.25 บาท มูลค่ารวม 20.50 ล้านบาท หลังจากนั้นราคาทรงตัว และวันที่ 29 ส.ค. ราคาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 53.25 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาทหรือ 3.90%

ราคาหุ้น PTTGC และหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะโรงกลั่น บริษัทไทยออยล์ (TOP) เพิ่มขึ้น 9.24% หรือ 5.75 บาทปิดที่ 68 บาท ปรับตัวขึ้นนำตลาด ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ พุ่งขึ้น  22.21 จุดหรือ 1.37% ปิดที่ 1,639.14 จุด  ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นโดดเด่นเทียบกับภูมิภาค  เกิดจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศเพียงกลุ่มเดียว มากถึง 4,873 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขาย 1,415 ล้านบาท พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ ขายด้วย 1,684 ล้านบาท และรายย่อยทำกำไร 1,773 ล้านบาท