HoonSmart.com>> แบงก์กรุงศรีมองสงครามการค้ากดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวกรอบ 30.50-30.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มองทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.50-30.85 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.73 บาทต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 8.0 พันล้านบาท และ 2.7 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายปีท่ามกลางแรงขายของต่างชาติ ด้านเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่
ขณะที่สงครามการค้าปะทุขึ้นอีกรอบ โดยเหตุการณ์ที่จีนประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ บดบังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปีขึ้นมาอยู่เหนืออัตราผลตอบแทนประเภท 10 ปี สะท้อนภาวะ Inversion ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่า เงินดอลลาร์จะยังเผชิญแรงขาย จากคาดการณ์ว่าสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นจะกดดันให้เฟดลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง แต่ความหวังเรื่องลดดอกเบี้ยอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจการค้าโลก ขณะที่ภาวะความผันผวนสูง จะยังคงมีแนวโน้มหนุนค่าเงินเยน
ตลาดจับตาข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนซึ่งกำลังเข้าสู่จุดแตกหัก หลังจากจีนระบุว่าจะเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ วงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศตอบโต้ว่าจะปรับขึ้นภาษีอีก 5% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนและเรียกร้องให้กลุ่มธุรกิจสหรัฐฯ ย้ายออกจากจีน นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯระบุว่า จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์เป็น 30% จาก 25% โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62 และจะปรับขึ้นภาษีที่ได้วางแผนไว้สำหรับสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 15% จาก 10% โดยจะเริ่มเก็บภาษีบางรายการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.62 และเลื่อนการเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวราวครึ่งหนึ่งไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.62
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกเดือนก.ค.62 เพิ่มขึ้น 4.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.67% อย่างไรก็ดี หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าส่งออกจะลดลง 0.4% ขณะที่ผลกระทบจากสงครามการค้า อาจทำให้จีนเร่งนำเข้าเพื่อผลิตก่อนการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.62) มูลค่าส่งออกลดลง 1.91% และมูลค่าการนำเข้าลดลง 1.81% เรามองว่าความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจมีมากขึ้น และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งในปีนี้
