LPN กำไรหด 29% ลั่นครึ่งปีหลังฟื้น- ผิดหวัง NOBLE -GOLDดีเกินคาด

HoonSmart.com>>อสังหาริมทรัพย์เปิดผลงานไตรมาส 2 มีแย่และดีคละกัน  แอลพีเอ็นกำไรเพียง 176 ล้านบาท รายได้จากการขายลดลง 32% มี Backlog  7,600 ล้านบาท ยืนยันครี่งปีหลังฟื้น เดินหน้าตามแผนเปิดโครงการใหม่ 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มยอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท  แจกปันผล 20 สตางค์เท่าปีก่อน ส่วน  NOBLE กำไร 164 ล้านบาท ขายอสังหาฯมาช่วยตั้ง  230 ล้านบาท ทุบราคาหุ้นร่วง  GOLD ไตรมาส 3  โชว์กำไร 528 ล้าน โตเฉียด 5%  

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ทยอยรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2562 บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดกำไรสุทธิ 176.73 ล้านบาท ลดลง 72.4 ล้านบาทหรือ 29.07% จากกำไรสุทธิ 249.13 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน รวม 6 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 526.73 ล้านบาท ลดลง 20.73 ล้านบาทหรือ 3.78% เทียบกับกำไรสุทธิ 547.46 ล้านบาทในระยะเดียวกันปีก่อน

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ LPN กล่าวว่า กำไรที่ลดลงในไตรมาส 2 เกิดจากรายได้จากการขายที่ลดลง 32.59% แต่กำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น) จากการขายเพิ่มขึ้น 2.60% ในขณะเดียวกันรายได้จากธุรกิจให้เช่า บริการ และรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 30.47% และ 18.39% ตามลำดับ เป็นการขยายงานเช่าของโครงการลุมพินี ทาวน์ ชิป รังสิต – คลอง 1 และขยายการรับบริหารโครงการภายนอก และมีค่าใช้จ่ายในการขาย (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์) ที่เพิ่มขึ้น 46.18% ได้แก่ ค่านายหน้าที่เกิดขึ้นจากการรับรู้รายได้ของโครงการลุมพินี สวีท เพชรบุรี – มักกะสัน 25.62 ล้านบาท

ส่วนหนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 726.81 ล้านบาท หรือ 8.74% จาก 8,315.57 ล้านบาท เป็น 9,042.38 ล้านบาท

บริษัทยังเชื่อว่าในครึ่งปีหลัง สามารถดำเนินงานไปตามแผนงานได้ สถานการณ์ต่าง ๆ น่าจะเริ่มคลี่คลายเมื่อเข้าสู่ไตรมาส 4 ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2562 บริษัทมียอดขายรอรับรู้ (Backlog) มูลค่าประมาณ 7,600 ล้านบาท จากโครงการอาคารชุดพักอาศัย และ บ้านพักอาศัย โดยแบ่งเป็นส่งมอบในปี 2562 จำนวน 6,800 ล้านบาท และส่งมอบในปี 2563 ประมาณ 800 ล้านบาท

บริษัทคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง  มูลค่าประมาณ 18,000 ล้านบาท โครงการอาคารชุดพักอาศัยประมาณ 10,000 ล้านบาท และบ้านพักอาศัยมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท เป้าหมายยอดขายอีกประมาณ 13,000 ล้านบาท จากโครงการอาคารชุด พักอาศัยประมาณ 8,700 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัยประมาณ 4,300 ล้านบาท

นายโอภาสกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาคอาคารชุดพักอาศัยอยู่ในภาวะถดถอย ตามสภาพเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ สถานการณ์ทางการเมือง  ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน และความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงการใช้มาตรการ LTV (Loan to Value) ในไตรมาส 2 ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว เพื่อรับกับมาตรการดังกล่าว แม้ว่าบริษัทจะได้ประเมินผลกระทบ และเตรียมการรับมือไว้แล้ว ด้วยการเร่งระบายสินค้า และจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ไปเป็นครึ่งปีหลังของปี 2562 แต่ผลกระทบค่อนข้างรุนแรงมากกว่าที่บริษัทได้ประเมินไว้  มีผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งอุตสาหกรรม มิใช่เฉพาะกับทางบริษัทเท่านั้น เพียงแต่ส่งผลต่อบริษัทมากกว่าบริษัทอื่น เนื่องจากรายได้ และยอดขายของบริษัทใน 9 เดือนแรก ส่วนใหญ่มาจากการขาย และโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการพร้อมอยู่

ด้านคณะกรรมการบริษัท LPN มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้ อัตราหุ้นละ 0.20 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 21 ส.ค.  จ่ายเงินวันที่ 5 ก.ย. 2562 ทั้งนี้ บริษัทจ่ายเงินปันผลเท่ากับกลางปีก่อนหุ้นละ 0.20 บาท

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) มีกำไรสุทธิ 164.46 ล้านบาท ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 95.33 ล้านบาทหรือ 137.89% จากกำไรสุทธิ 69.13 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน รวม 6 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 1,473.82 ล้านบาท พุ่งขึ้น 1,274 ล้านบาทหรือ 637.68% เทียบกับกำไรสุทธิ 199.79 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

ไตรมาส 2/2562 NOBLE มีรายได้จากการขาย-ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 801.19 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 655.07 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้โครงการ โนเบิลรีวอลฟ์ รัชดา และโครงการโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 รวมถึงโครงการ โนเบิล เพลินจิต แม้ว่า อัตรากําไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลดลง จาก 48.9% เหลือ 34.4% ก็ตาม แต่มีอัตรากำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% นอกจากนี้ยังมีกำไรอื่นๆจำนวน 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 241 ล้านบาท จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน อาคารและอุปกรณ์ ขณะที่มีค่าใช้จ่าย 323 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62 ล้านบาท

บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เปิดเผยผลงานงวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2562 ว่ามีกำไรสุทธิ 528 ล้านบาท เติบโต 25 ล้านบาทหรือ 4.97% จากระยะเดียวกัยปีก่อนมีกำไรสุทธิ 503 ล้านบาท รวม 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 1,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59 ล้านบาทหรือ 3.72% จากกำไรสุทธิ 1,585 ล้านบาท

บริษัทฯมีรายได้รวม 3,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152 ล้านบาทหรือ 4.1% จากไตรมาส 3 ปีก่อน มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 124 ล้านบาท หรือ 3.7% การให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น 0.52 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 5.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% และรายได้ค่าการจัดการ 25.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.9 ล้านบาท

บริษัทมีรายได้รวม 9 เดือน ที่ 13,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,535 ล้านบาท คิดเป็น 13.4% จากการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 1,403 ล้านบาทหรือ 13.8% ตามจำนวนโครงการที่เปิดใหม่ ยอดโอนงวดไตรมาส 3 ลดลง 96 หลังหรือ 10.7% แต่ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดโอนเพิ่มขึ้น 114 หลังหรือ 4.3% ในช่วง 9 เดือน
ส่วน ค่าใช้จ่าย ไตรมาส 3 มีจำนวน 3,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99 ล้านบาทหรือ 3.2% และ 9 เดือนมีค่าใช้จ่ายรวม 11,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,474 ล้านบาทหรือ 15.5% เพิ่มตามสัดส่วนรายได้

บล.ทิสโก้ระบุว่า GOLD มีกำไรดีกว่าที่คาดการณ์

การซื้อขายหุ้น LPN  ราคาหุ้นทรงตัวรับกำไรออกมาไม่ดีตา,คาด แต่เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.50%  ผิดจากความคาดหมาย ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาซื้อขายบริเวณ 7.15 บาท บวก 0.10 บาทหรือ 1.42% ส่วน NOBLE ทรุดลงมาแถว 21.60 บาท ติดลบ 1.10 บาทหรือ 4.85% และ GOLD อยู่ที่ 8.25 บาท ลดลง 0.15 บาทหรือ  1.795 ณ เวลาประมาณ 15.07 น. ของวันที่  7 ส.ค. 2562