ปีนี้หุ้นผันผวนสูง ภัทรให้กรอบ 1,680-1,900 สิ้นปี 1,835 จุด บลจ.ทาลิสมองปลายปี 1,850-1900 จุด หากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ให้แนวรับ 1650-1700 ส่วนสัปดาห์นี้ บล.เอเซียพลัสมองดัชนีแกว่งแคบๆ แนะ AMATA -BANPU
นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ภัทร เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าดัชนีจะมีความผันผวนสูง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เช่นความตึงเครียดทางการค้าของประเทศสหรัฐกับจีน อาจกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทยในบางอุตสาหกรรม รวมถึงความล่าช้าของโครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งอาจกระทบการลงทุนและความเชื่อมั่นภาคเอกชน จึงมองกรอบดัชนีในปีนี้ระหว่าง 1,680-1,900 จุดและคาดการณ์เป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 1,835 จุด
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ทาลิส กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 1,850-1,900 จุด พี/อี 17-18 เท่า แม้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 9 หมื่นล้านบาทในปีนี้ แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่ดี คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 4.2% และปีหน้า 4.4%
“ฟันด์โฟลว์คงยังไหลออกต่อเนื่องหากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า แต่หุ้นไทยไม่ลง เหมือนในอดีต ปีที่เงินไหลออกสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท หุ้นก็ยังบวก จึงมองว่าหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงเงินลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเริ่มทยอยเข้าสู่ระบบส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นยุคที่ 2 ของการลงทุนครั้งใหญ่ของประเทศ หลังจากหายไปนานกว่า 10 ปี”นายประภาส กล่าว
อย่างไรก็ตามหากเกิดปัจจัยลบจากต่างประเทศ สงครามการค้ารุนแรง รวมถึงมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นปีหน้า อาจเห็นดัชนีปรับตัวลดลง โดยมองแนวรับในกรอบ 1,650-1,700 จุด พี/อี 15-16 เท่า
บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส คาดแนวโน้มหุ้นในสัปดาห์นี้(21-25 พ.ค.) ว่ายังไม่เห็นสัญญาณเงินทุนไหลกลับ จึงคาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด และวันที่ 23 พ.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคําวินิจฉัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู (พ.ร.ป.) 2 ฉบับ กําหนดการเลือกตั้งน่าจะชัดเจนขึ้น
“ เชื่อว่าระดับพี/อีที่ 16 เท่าเป็นฐานราคาที่แข็งแกร่ง หากดัชนีปรับลงมาต่ำกว่า 1,750 จุด นักลงทุนระยะยาวควรทยอยสะสมหุ้น “บล.เอเซียพลัสระบุ
สัปดาห์นี้ เลือก AMATA และ BANPU เป็นหุ้นเด่น ให้ราคาเป้าหมาย AMATA 35.70 บาท บริษัทถือครองที่ดินกว่า 1 ไร่ด้วยต้นทุนต่ำ จึงน่าจะได้ประโยชน์จากโครงการ EEC
ส่วน BANPU ให้ราคาเป้าหมาย 25.60 บาท ได้ประโยขน์ทางอ้อมจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ระดับสูง ขณะที่ราคาหุ้นยังคงปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่มพลังงาน
ส่วนผลงานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในไตรมาส 1/2561 ดีเกินคาด มีกำไรสุทธิรวม 2.85แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% จากไตรมาส 4 แต่ลดลง 1.93% จากไตรมาส 1/2560