HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ทรุดลงแรง 1.23% เฟดลดดอกเบี้ยลง 0.25% ครั้งนี้ ไม่มีสัญญาณที่จะลงอีก จากก่อนหน้าตั้งใจลง 2 ครั้งในปีนี้ ส่วนการเจรจาการค้าจบลงแล้วไม่มีข้อสรุป สหรัฐ-จีนนัดคุยรอบใหม่ก.ย. อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ที่ 26,864.72 จุด ลดลง 333.75 จุด หรือ 1.23% หลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดับความหวังการลดดอกเบี้ยอีกในปีนี้ แม้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% ตามที่คาด ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับจากเดือนธันวาคม 2008 หลังวิกฤติการเงิน
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,980.38 จุด ลดลง 32.80 จุด, -1.09%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,175.42 จุด ลดลง 98.19 จุด, -1.19%
คณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติ 8-2 เสียง ลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% มาที่ระดับ 2.00-2.25% โดยระบุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการลดดอกเบี้ย
ในการแถลงข่าวหลังการประชุม นายพาวเวลล์กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นการปรับนโยบายในช่วงกลางวัฎจักร ซึ่งจะช่วยให้ตอบโจทย์เป้าหมายทั้งหมด และเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการ เพื่อลดความเสี่ยงด้านต่ำและสนับสนุนภาวะเศรษฐกิจตลอดจนดึงเงินเฟ้อขึ้นมา
นักลงทุนตีความการแถลงของนายพาวเวลล์ว่า เฟดจะไม่ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนตามที่คาด จึงเทขายหุ้นออก ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ลดลงไปต่ำสุด 470 จุดระหว่างวัน
นายพาวเวลล์กล่าวอีกว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่เริ่มขึ้นในต้นปีนี้ เมื่อเฟดปรับท่าทีนโยบายการเงินจากที่ตั้งใจจะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้มาเป็นการใช้ความอดทน
แม้นายพาวเวลล์ไม่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะมีการลดดอกเบี้ยอีกภายในปีนี้ แต่กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ได้หมายความจะเป็นการลดเพียงครั้งเดียวแล้วจะไม่มีการลดดอกเบี้ยอีกเลย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาเหนือ 2.07% ก่อนที่จะลดลงไปที่ระดับ 2.02%
หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 2.04% จากรายได้ไตรมาส 3 ตามรอบบัญชีของบริษัทเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งดีกว่าที่คาด
หุ้น AMD ลดลง 10.10% หลังกำไรไตรมาส 2 ลดลง
ขณะนี้มี 60% ของบริษัทใน S&P 500 รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่ง 76% มีผลการดำเนินงานดีกว่าคาด
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง และมูดี้ส์ อนาลิติก เผยการจ้างงานภาคเอกชนเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชมุของเฟดที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% แม้ส่วนหนึ่งยังจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะไม่ทำข้อตกลงใดๆกับจีน หากจีนรอให้วาระการดำรงตำแหน่งของเขาสิ้นสุด
การเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีนในกรุงปักกิ่งที่เสร็จสิ้นลง เมื่อวานนี้ไม่มีข้อสรุป เพียงแต่หารือเกี่ยวกับการซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯจากจีนเพิ่มเติมและสหรัฐฯจะมีเงื่อนไขผ่อนปรนกับจีนมากขึ้น และทั้งสองฝ่ายกำหนดที่จะเจรจาอีกครั้งในเดือนกันยายน
สำนักงานสถิติยุโรปเผยอัตราเงินเฟ้อช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ยูโรโซนลดลงรวดเร็ว แม้การว่างงานลดลงมาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,586.78 จุด ลดลง 59.99 จุด,-0.78%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 385.77 จุด เพิ่มขึ้น 0.66 จุด,+0.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,518.90 จุด เพิ่มขึ้น 7.84 จุด,+0.14%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,189.04 จุด เพิ่มขึ้น 41.80 จุด,+0.34%
ในอังกฤษ ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงที่ระดับต่ำสุดรอบ 28 เดือน หลังความกังวลว่าอังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้แบบไร้ข้อตกลงเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน โดยเครดิตสวิสมีกำไรไตรมาส 2 จำนวน 937 ล้านสวิสฟรังก์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด หุ้นเครดิตสวิสเพิ่มขึ้นมากกว่า 2%
หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ เพิ่มขึ้น 2% หลังแจ้งกำไรไตรมาส 2 จำนวน 2.47 พันล้านยูโร สูงกว่าที่คาด
หุ้นยูมิคอร์ในเบลเบี่ยมเพิ่มชึ้น 9% หุ้นเน็กซ์ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 8% จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
หุ้นแอร์ฟรานซ์เคแอลเอ็มเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% หลังผลการดำเนินงานไตรมาสสองและแจ้งว่านักบินสนับสนุนการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำ
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 53 เซนต์ ปิดที่ 58.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ปิดที่ 65.1.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล