ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ผันผวน ปิดลดลง 54 จุด หลังบอนด์ยีลด์ดีดขึ้น 3.10% ความกังวลข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.)ลดลง โดยได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.10% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปีขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.230%
นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นเมื่อคืนนี้ว่า เริ่มไม่มั่นใจว่าการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนซึ่งกำลังดำเนินไปอยู่ในขณะนี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากจีนมีท่าทีปกป้องผลประโยชน์ของตนเองมากเกินไป
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 24,713.98 จุด ลดลง 54.95 จุด ติดลบ 0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,720.13 จุด ลดลง 2.33 จุด หรือ 0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,382.47 จุด ลดลง 15.82 จุด ลดลง 0.21%
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินดีดตัวขึ้นตามไปด้วย โดยล่าสุดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนองของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับอัตราเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ รวมทั้งเครื่องมือทางการเงินในระบบ
ด้านการซื้อขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 0.7% หุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวลง 0.3% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 2.2%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 215,000 ราย