HoonSmart.com>> บลจ.ทาลิส มองหุ้นครึ่งปีหลังดี กรอบ 1,700-1,800 จุด ได้แรงหนุนรัฐบาลเริ่มบริหารประเทศ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนครึ่งปีหลัง เงินนอกไหลเข้า พร้อมชูผลงานครึ่งปีแรก “กองทุนหุ้น” ติดชาร์ตแถวหน้า มั่นใจครึ่งปีนี้ AUM ทะลุหมื่นล้าน
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทาลิส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่กำลังจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร พร้อมดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง และการใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงทั่วโลก รวมถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐและประเทศจีนที่ผ่อนคลายลง จึงคาดการณ์ SET Index เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,700-1,800 จุด
อย่างไรก็ตามประเด็นที่ต้องติดตาม คือ แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนไทย ว่าจะถูกทบทวนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือไม่ แต่บลจ.ทาลิส เชื่อว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ จะเติบโตได้ 5-7% จากปีก่อนหน้าและปี 2563 คาดว่าจะเติบโต 7-10% หากราคาน้ำมันยังนิ่งและเศรษฐกิจไม่แย่ จึงมองตลาดหุ้นผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
“เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ซบเซาเหมือนเศรษฐกิจโลก ซึ่งรัฐบาลใหม่น่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก และทั้งปีน่าจะเติบโตมากกว่า 3% และเมื่อนักลงทุนเชื่อมั่น เงินก็จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นหนุนดัชนี 1,800 จุดได้”นายประภาส กล่าว
สำหรับเงินลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าลงทุนหุ้นไทยต่อเนื่องเข้ามาแล้วประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยทั้งปีมองว่ายังมีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาสูงถึง 1 แสนล้านบาท หลังจากที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติไหลออกไปต่อเนื่อง 5 ปีกว่า 6 แสนล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจาก MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย และการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จในไม่ช้า จึงคาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งคาขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี โดยมีโอกาสต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ ซึ่งเงินที่ไหลเข้ามาลงทุน เนื่องจากไทยมีปัจจัยความเสี่ยงทางการเงินของประเทศน้อยเมื่อเทียบประเทศในภูมิภาค มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศแข็งแกร่ง
นอกจากนี้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 025-0.75% ในช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 จากการส่งสัญญาณของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นายประภาส กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง บลจ.ทาลิส ยังให้น้ำหนักกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศเป็นหลัก เช่น กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทให้เช่าและนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มขนส่ง เป็นต้น
“สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของเราก็มีการขายทำกำไรออกไปบ้าง ในช่วงที่ดัชนีและราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา โดยมองหาหุ้นที่ราคาเหมาะสม”นายประภาส กล่าว
มั่นใจ AUM ทะลุหมื่นล้านปีนี้
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทาลิส เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้จะทะลุ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท โดยเติบโตจากธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่หลายรายและคาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้ จากช่วงครึ่งปีแรก AUM เติบโตประมาณ 1,050 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคล 1,000 ล้านบาท และกองทุนรวม 50 ล้านบาท
“ในแง่ของผลตอบแทนลูกค้า เราสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจและอยู่ในอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม และแม้บริษัทจะมีขนาดเล็ก แต่มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ มีความชำนาญและมุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุน จากการคัดเลือกหุ้นและหาโอกาสในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนของลูกค้า ซึ่งเราก็หวังว่าผลตอบแทนที่ออกมาดีและสม่ำเสมอตลอดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จะทำให้ บลจ.ทาลิสเป็นที่รู้จักของผู้ลงทุนมากขึ้น และเชื่อมั่นว่าจะทำให้ AUM เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้สิ้นปีประมาณ 10,000 ล้านบาท เติบโตเท่าตัวจากปีก่อน” นายฉัตรพีกล่าว
ชูผลงานกองหุ้นติดอันดับต้นๆ อุตสาหกรรม
สำหรับผลงานของกองทุนในช่วงครึ่งปีแรก ข้อมูลจาก Morningstar Thailand กองทุนภายใต้การจัดการของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่อยู่อันดับต้นๆ ของแต่ละกลุ่ม (ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี – 28 มิ.ย. 2562) เช่น กองทุนเปิดทาลิส DIVIDEND STOCK หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) ผลตอบแทน 17.48%
กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน (TLMSEQ) ผลตอบแทน 16.40% กองทุนเปิดทาลิส DIVIDEND STOCK หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF -D) ผลตอบแทน 16.40% และกองทุนเปิดทาลิส เฟล็กซิเบิ้ล เพื่อการเลี้ยงชีพ (TLFLEXRMF) ผลตอบแทน 15.19%
นายฉัตรพี กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 บริษัทยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดสัมมนากลุ่มเล็กให้ผู้ที่สนใจการลงทุนเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้ลูกค้าและผู้ลงทุน เข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการลงทุน และเมื่อพิจารณาจากดอกเบี้ยระดับต่ำ สภาพคล่องของโลกที่มีจำนวนมาก ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงน่าสนใจและมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี นักลงทุนบางกลุ่มก็อาจเริ่มขยับเข้าลงทุนเพิ่ม
“บริษัทยังมุ่งมั่นในการบริหารจัดการและปรับกลยุทธ์การลงทุน ให้สอดคล้องกับสภาวะในแต่ละช่วงอยู่เสมอ เพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุน เน้นการปฏิบัติตามขั้นตอนการวิเคราะห์การลงทุนของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า”นายฉัตรพี กล่าว