JCK เช่าที่พัสดุ 1.4 พันล. ผุดศูนย์กระจายสินค้า จ.นครพนม

HoonSmart.com>> “เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล” เซ็นสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ นครพนม 50 ปี มูลค่า 1.4 พันล้าน พัฒนาโครงการศูนย์กระจายสินค้า เขตอุสาหกรรม พร้อมอนุมัติบริษัทย่อยขายหุ้น “Bognor Regis Warehouse” มูลค่า 16.75 ล้านปอนด์

บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 5 ก.ค.62 อนุมัติให้ให้บริษัทเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ท้องที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม (ที่ดินราชพัสดุฯ) จากกรมธนารักษ์ รวม 2 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 1,335 ไร่ 2 งาน 28.1 ตารางวา เป็นระยะเวลา 50 ปี เพื่อสร้างโอกาสและรองรับการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในระยะยาว โดยมีอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุตลอดอายุสัญญา รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,462.48 ล้านบาท

วัตถุประสงค์ในการเช่าที่ดินดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีแนวคิดจะนำสิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุฯ มาพัฒนาก่อสร้างโครงการในรูปแบบพาณิชยกรรมแบบผสม อาทิเช่น ศูนย์กระจายสินค้า เขตอุตสาหกรรม และ คลังสินค้า เป็นต้น เพื่อให้เกิดการเกื้อหนุนกันในแต่ละส่วนงาน โดยสิทธิการเช่าดังกล่าว แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุฯ เท่ากับ 262.62 ล้านบาท และอัตราค่าเช่ารวม 1,199.86 ล้านบาท

ในส่วนของค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าดินนั้น บริษัทจะผ่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนแก่การเข่าที่ดินราชพัสดุเป็นเวลา 10 ปี ยกเว้นการผ่อนชำระในช่วง 5 ปีแรกและเริ่มผ่อนชำระในปีที่ 6-10 จำนวนปีละ 52.52 ล้านบาทเท่ากันทุกปี ส่วนค่าเช่ารายปี จะชำระล่วงหน้าเป็นรายปี โดยปีแรกในอัตรา 8,400 บาท/ไร่/ปี เท่ากับปีละ 11.22 ล้านบาท อัตราเช่าเพิ่ม 9% ทุกๆ 3 ปีและบริษัทฯ ต้องวางหลักประกันสัญญาเช่าเท่ากับ 1 เท่าของค่าเช่า 1 ปีตลอดสัญญาเช่าที่ดิน

สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้ลงทุนในครั้งนี้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินกิจการ ส่วนในระยะต่อไป บริษัทคาดว่าจะจัดแหล่งเงินลงทุนจากสถาบันการเงิน และหรือร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ

ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของจังหวัดนครพนม และพรมแดนที่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศใกล้เคียงในภูมิภาค ซึ่งได้แก่ ลาว เวียดนาม และ จีน ซึ่งสามารถพัฒนาและยกระดับพื้นที่ดังกล่าวในฐานะศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมแปรรูปต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศได้ จึงได้มีแนวคิดในการพัฒนาโดยอาศัยการผสมผสานระหว่างจุดแข็งของจังหวัดและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดนครพนมมาปรับใช้

บริษัทคาดว่าการลงทุนในสิทธิการเช่าดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสและรองรับการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในระยะยาวได้

คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติให้บริษัท โทเทิล อินดัสเตรียล เซอร์วิสเซส จำกัด (TISCOM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ขายหุ้นในบริษัท Bognor Regis Warehouse Limited (Bognor) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษ ที่ TISCOM ถือหุ้นในอัตรา 100% โดยขายหุ้นทั้งหมดจำนวนรวม 1,620,000 หุ้น หรือคิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียนของ Bognor ให้แก่บริษัท London & Metric Property Plc หรือบริษัทในเครือ ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศอังกฤษ ในราคา 16,750,000 ปอนด์ หรือประมาณ 643 ล้านบาท