HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นไทยเดือนมิ.ย.พุ่ง 9.9% ในสกุลเงินดอลลาร์ เหตุเดือนเดียวบาทแข็ง 3.1% “ภากร” แนะนักลงทุนประเมินผลได้และเสียค่าเงินบาทแข็ง จาก 3 ปัจจัย “อุตสาหกรรม รายได้ส่งออก-บริหารความเสี่ยง” ไทยแชมป์เอเชียเพิ่มสูงสุดเดือนมิ.ย. IPO ระดมทุน ต่างชาติขนเงินลงทุนสูงสุด
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นในเดือนมิ.ย.2562 เพิ่มขึ้นในสกุลเงินดอลลาร์ 9.9% เทียบกับสกุลเงินบาทเพิ่มขึ้น 6.8% แสดงว่าเงินบาทแข็งค่า 3.1% ในช่วง 1 เดือน ซึ่งจะต้องเปรียบเทียบดูว่าการที่เงินบาทแข็งจะมีผลต่อบริษัทจดทะเบียนอย่างไรบ้าง ต้องดู 3 ส่วน 1.อุตสาหกรรม 2.บริษัท และ 3.การบริหารความเสี่ยงของแต่ละบริษัท
อย่างไรก็ตามต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าจะมีผลต่อบริษัทจดทะเบียนอย่างไร เพราะมีทั้งคนได้ประโยชน์ คือบริษัทนำเข้าสินค้าจำนวนมาก และเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะมีการนำสินค้าเข้ามาทั้งรถไฟ เป็นต้น
“ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เงินบาทที่แข็งค่าเกิดจากเงินไหลเข้าประเทศไทยมาก เพราะเศรษฐกิจเติบโตดี แต่ก็ทำให้ต้องติดตามเงินที่เข้ามาทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้มีผลกับเราอย่างไร”นายภากร กล่าว
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 6.8% จากเดือนพ.ค.2562 ถือว่าขึ้นสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย มูลค่าซื้อสุทธิ 46,945 ล้านบาท สูงสุดในเอเชียเช่นกัน ถือเป็นการซื้อต่อเนื่องในรอบ 3 เดือน
การที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาทำให้อัตราผลตอบแทนปันผลของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 2.98% ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2562 ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นอื่นในเอเชียอยู่ที่ 2.79% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของ SET- mai อยู่ที่ 18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากสิ้นปี 2561 นอกจากนั้นในครึ่งปีแรกมูลค่าการระดมทุนเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 8,529 ล้านบาท ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย อย่างไรก็ตามยังต้องดูตลาดหุ้นมาเลเซียที่มีบริษัทอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่เข้าจดทะเบียน
“เดือนมิ.ย.มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนรวมในประเทศ เพิ่มขึ้น 3.8% น้อยกว่าดัชนีหุ้นเดือนมิ.ย. โดยอยู่ที่ 4.93 ล้านล้านบาท”นายศรพล กล่าว