HoonSmart.com>>บล.ไทยพาณิชย์คาดไตรมาส 3 สงครามการค้ายังป่วนโลก เลือกหุ้นที่มีรายได้ในไทย เน้นกำไรโต-ได้ดีจากนโยบาย นำเสนอ AMATA-ROJNA-CHG-KTB-IVL บล.ทิสโก้ แนะกลยุทธ์เดือนก.ค. 4 ธีม หาจังหวะเก็บแถว 1,705-1,720 จุด รอผ่าน 1,760 จุด ขายแนวต้าน 1,810 จุด คาดเม็ดเงินต่างชาติรอทะลักอีก 6 หมื่นล้านบาท เห็นดอกเบี้ยลดลง
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า การเจรจาการค้ายังมีความเสี่ยงที่จะฉุดตลาดการเงินและภาวะเศรษฐกิจโลก จึงแนะนำให้โฟกัสหุ้นที่อ้างอิงปัจจัยในประเทศ กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 3 เน้นหุ้นเติบโตและได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม -AMATA และ ROJNA กลุ่มการแพทย์ -CHG กลุ่มธนาคาร -KTB และ กลุ่มปิโตรเคมี-IVL ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้น Global play ที่ปลอดภัยจากประเด็นสงครามการค้า
“KTB จะมีกำไรพิเศษ ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐและสินเชื่อฟื้นตัว ส่วน IVL ไม่แพงและกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น” นายสุกิจกล่าว
ทางด้าน บล.ทิสโก้ นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้น ในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates คาดว่าหุ้นในเดือนก.ค.จะปรับตัวขึ้นไปแตะแนวต้านที่ระดับ 1,760 จุดได้ หลังจากสหรัฐฯ และจีนมีท่าทีจะสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราว รวมถึงแรงหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ก.ค.ที่จะถึงนี้
ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็พร้อมจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และทำ QE รอบใหม่ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะเริ่มส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม วันที่ 7 ส.ค.นี้ ถือว่าเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในเดือนก.ค. แนะนำให้เข้าซื้อแนวรับ 1,705-1,720 จุด แบ่งออกเป็น 4 ธีมหลัก เช่น ธีมกำไรไตรมาส 2 ออกมาดี ได้แก่ EASTW, CK, MAJOR และ SCCC ส่วนธีมหุ้นที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติ และราคายังปรับขึ้นได้ เช่น BBL, INTUCH, LH และ GPSC
“ต้องจับตาว่าหุ้นจะผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,760 ได้หรือไม่ หากยืนได้ จะปรับขึ้นไปแนวต้าน 1,810 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,850 จุด” นายวิวัฒน์กล่าว
ปัจจัยหนุนตลาดสำคัญมาจากแรงซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งกลับมามีสถานะซื้อสุทธิ 4.6 หมื่นล้านบาท ในเดือนมิ.ย. หลังจากนี้จนถึงสิ้นปี 2562 บล.ทิสโก้คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาอีก 6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ขายสะสมมากถึง 6 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท จนถือครองต่ำมากเพียง 28.2% ต่ำกว่าช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ปกติจะถือ 31-32% จากการศึกษาข้อมูลในอดีต ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท ที่ต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิจะมีผลให้ดัชนีขึ้นหรือลง 22-23 จุด นอกจากนี้ อาจจะมีข่าวดี ประเทศไทยจะได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือขึ้น หลังจากไม่ได้รับการปรับอันดับเครดิตมากว่า 13 ปีแล้ว
ด้านตลาดหุ้นวันที่ 2 ก.ค. ดัชนีปรับตัวลงตามภูมิภาค ปิดที่ระดับ 1,732.23 จุด ติดลบ 8.68 จุด หรือ 0.50% มูลค่าการซื้อขายรวม 66,149 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อต่อ 2,195 ล้านบาท พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ช่วยด้วย 1,221 ล้านบาท แรงขายส่วนใหญ่เป็นของสถาบันในประเทศ 3,222ล้านบาท พุ่งเป้ากลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ โดย SCB ปิดเท่ากับวันก่อนที่ 141 บาท BBL ลดลง 1 บาทปิดที่ 197.50 บาท หุ้นเด่นต้องยกให้ GULF ราคาพุ่งแรง 134.50 บาท ปิดที่ 129.50 บาท บวก 2 บาทหรือ 1.575 ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดของวันที่ระดับ 2,812 ล้านบาท