SAWAD ดิ่ง 16% แจงเหตุกำไรต่ำจริง

SAWAD ดิ่งตามคาด ผู้บริหารชี้แจงเหตุผลที่ทำให้กำไรออกมาต่ำกว่าความเป็นจริง ปีก่อนมีรายการพิเศษจากการได้มาBFIT ยันกำไรและรายได้จริงโตขึ้น หนี้เอ็นพีแอลทยอยได้คืนแล้ว

นักลงทุนพร้อมใจกันเทขายหุ้น บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SAWAD กดราคาลงต่ำสุด 35.25 บาทและพยายามไต่ขึ้นสูงสุด 38.25 บาทก่อนกลับมาลดลงเคลื่อนไหวแถว 36.50 บาท ติดลบ 7.25 บาทหรือ 16.57% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 3,610 ล้านบาท ณ เวลาประมาณ 15.26 น. หลังจากผิดหวังผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561 และมีหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ SAWAD ถูกเทขายออกมารุนแรงวันนี้เป็นวันที่ 3 หลังจาก 2 วันราคาหุ้นทรุดลงไปมากกว่า 10%

นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ SAWAD เปิดเผยว่า กำไรไตรมาส 1/2561 ที่บริษัทได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ อาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน บริษัทขอชี้แจงว่าสาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิลดลง 27.43% มาอยู่ที่ 639 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 881.62 ล้านบาท ในไตรมาส1/2560 เป็นเพียงการปรับลดลงทางบัญชีเท่านั้นส่วนผลการดำเนินงานจริงยังมีการเติบโตทั้งกำไรและรายได้

สาเหตุที่ทำให้ผลงานลดลงเนื่องจากมีการรับรู้รายการพิเศษจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาธร หรือ BFIT และมีการจัดประเภทเงินลงทุนจากเงินลงทุนเผื่อขายเป็นเงินลงทุนในบริษัทย่อยตามมาตรฐานบัญชีทำให้เกิดกำไรจากการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนจำนวน 102.06 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงรายได้อื่นๆที่เกิดจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้มาที่เกี่ยวข้องกับ BFIT อีกจำนวน 185.65 ล้านบาทจากเดิมที่อยู่ในรายได้อื่นๆของงบไตรมาส 4/2560

นางสาวธิดาอธิบายต่อว่า การปรับปรุงงบการเงินดังกล่าวและกำไรพิเศษที่ได้จากการจัดประเภทเงินลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน BFIT ทำให้รายได้รวมไตรมาส1/2560ฉบับปรับปรุง มีรายได้รวมจำนวน1871.50 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงบก่อนปรับปรุง 185.65 ล้านบาทและมีกำไรพิเศษดังกล่าวอีก 102.06ล้านบาทรวมเป็นเงิน 287.71 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 จะไม่มีการปรับมูลค่าเงินลงทุนแต่อย่างใด

“หากไม่รวมรายการพิเศษ บริษัทจะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 160.33 ล้านบาทหรือ 10.12% ในไตรมาส 1 และมั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง” นางสาวธิดา กล่าว

สำหรับประเด็นความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่เพิ่มขึ้น นางสาวธิดา ชี้แจงว่าเป็นเอ็นพีแอลที่เกิดจากลูกหนี้เอสเอ็มอีกรายหนึ่งที่จ่ายล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งปัจจุบันลูกหนี้รายดังกล่าวก็ได้ทยอยจ่ายยอดค้างมาแล้ว ประกอบกับมูลค่าหลักประกันของลูกหนี้รายดังกล่าวที่นำมาวางเป็นหลักประกันไว้มีมูลค่ามากกว่ามูลหนี้