HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดบวก 38 จุด รับเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินปีนี้ หลังจากมีคงอัตราดอกเบี้ยด้วยมติ 9 ต่อ 1 คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 2.1% ปีหน้าปรับขึ้นจาก 1.9% เป็น 2%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 19 มิถุนายน 2562 ที่ 26,504.00 จุด เพิ่มขึ้น 38.46 จุด หรือ 0.15% หลังที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินภายในปีนี้
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 2.25-2.50% ด้วยมติ 9 ต่อ 1 และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย อันเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่ยังประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ 2.1% และปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 2.0% จาก 1.9%
ในแถลงการณ์การประชุมครั้งนี้ เฟดได้ตัดข้อความ “เฟดจะใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการตัดสินใจปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย” จากที่เคยปรากฏในแถลงการณ์ฉบับก่อนหน้านี้ แต่ระบุว่าจะดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวว่า เฟดต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนก่อนว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงบางรายการนั้นเป็นภาวะชั่วคราวหรือเป็นแนวโน้มระยะยาว เช่น ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มเพียง 75,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการ FOMC กังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและเห็นว่ามีหลายปัจจัยที่จะทำให้ต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ยังกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% โดยเฟดจะใช้เครื่องมือที่มีอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม จากประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งสำรวจความเห็นจากคณะกรรมการบริหาร (board member) และผู้แทนจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่แสดงผลด้วยแผนภาพแบบจุด เพื่อระบุเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยในแต่ละปีซึ่งคาดการณ์ได้ด้วยค่ามัธยฐาน พบว่ามีความเห็นว่าที่จะลดดอกเบี้ยลง 1 ครั้งในปีหน้าและปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปี 2021
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,926.46 จุด เพิ่มขึ้น 8.71 จุด, +0.30%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,987.32 จุด เพิ่มขึ้น 33.44 จุด, +0.42%
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ ซึ่งมักจะปรับตัวขึ้นหลังการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด เป็นกลุ่มที่ปรับตัวนำตลาดเมื่อวานนี้โดยทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 1% หุ้น Allergan เพิ่มขึ้น หุ้น DaVita เพิ่มขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ลดลง 0.4% หุ้นเวลส์ ฟาร์โกลดลง 1% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 0.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 0.5% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาลดลง 1.05%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะแถลงผลการประชุมนโยบายการเงิน โดยมีแรงขายในกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ทำให้อ่อนตัวลง 1.5% ขณะที่แรงซื้ออยู่ในกลุ่มรถยนต์และธนาคาร
ในอังกฤษอัตราเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน จาก 2.1% ในเดือนเมษายน เป็นผลจากต้นทุนค่าขนส่งและราคาเสื้อผ้าที่ลดลง
ธนาคารกลางอังกฤษมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินวันนี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,403.54 จุด ลดลง 39.50 จุด, -0.53%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 384.77 จุด ลดลง 0.01 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,518.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.73 จุด, +0.16%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,308.53 จุด ลดลง 23.22 จุด, -0.19%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 14 เซนต์ ปิดที่ 53.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 32 เซนต์ปิดที่ 61.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล