MSCI เงินทะลักหุ้นไทย 1.2 แสนล. วอลุมเทรดออลไทม์ไฮ 2 แสนล้าน

HoonSmart.com>>หุ้นไทยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ 28 พ.ค.2562 มูลค่าซื้อขายทะลุ 2 แสนล้านบาท/วัน เกิดจากฝีมือ MSCI กว่า 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มน้ำหนักจาก 2.43% เป็น 2.9% ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 12,534 ล้านบาท ตามโผรายชื่อเข้าใหม่รอบนี้ ผสมแรงขายกลุ่มแบงก์ SCB หลุด  ลาก BBL ลงเหวด้วย

วันที่ 28 พ.ค.2562 เป็นอีกวันหนึ่งที่จะต้องจารึกในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 204,855.67 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2518 ที่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นมา หรือออลไทม์ไฮ เกิดจากแรงซื้อขายที่กระโจนเข้ามาในนาทีสุดท้าย ทำให้มูลค่าการซื้อขายบริเวณ 82,000 ล้านบาทปรับตัวขึ้นทะลุ 2 แสนล้านบาทอย่างรวดเร็ว

นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าซื้อสุทธิ 12,534 ล้านบาท ปรับพอร์ตการลงทุนตามดัชนี MSCI ที่ปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยเพิ่มขึ้นจาก 2.43% เป็น 2.9% โดยนำการลงทุนผ่าน NVDR เข้ามาคำนวณด้วย ส่งผลให้บริษัทไทยได้รับเลือกเข้าสู่การคำนวณมากขึ้น และมีหุ้นส่วนหนึ่งถูกคัดออกเช่นเดียวกัน

” ก่อนปิดตลาด วอลุ่มตลาดอยู่แถว 82,000 ล้านบาท แต่มาปิดที่กว่า 2 แสนล้านบาท  ตามหลักเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์เปิดให้มีการซื้อขายบิ๊กล็อตจนถึงเวลา 17.00 น. ทำให้ออเดอร์ไหลตลอดเวลา แต่ดัชนีไม่เปลี่ยนแปลง เพราะบิ๊กล็อตต้องใช้ราคาปิดวันนั้น ซึ่งเงินที่ไหลเข้ามาในช่วงปลายตลาดประมาณ 1.22 แสนล้านบาท มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ”

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน คาดว่าจะมีเงินไหลเข้าจำนวน 7.68 หมื่นล้านบาท จากหุ้นไทยได้ปรับน้ำหนักการลงทุนเป็น 2.9% และมีหุ้นเข้าใหม่ 9 ตัว ประกอบด้วย INTUCH-RATCH-DTAC-AEONTS-AAV-BLA-EASTW-PSH-TASCO ส่วน DELTA ถูกคัดออก

ขณะที่บล.กรุงศรีอยุธยาคาดว่าจะมีเงินไหลเข้ามารอบนี้ประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดมีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 2 แสนล้านบาท เพราะนอกจากมีแรงซื้อหุ้นที่เข้าใหม่ในการคำนวณดัชนี MSCI แล้ว มีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมามาก โดยเฉพาะ BBL ที่ไหลลงแรง หลังจาก SCB หลุดจากการคำนวน และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้หุ้น BDMS มีมูลค่าการซื้อขายมากถึง 15,377 ล้านบาท ราคาบวก 0.50 บาทปิดที่ 26.50 บาท ขณะที่ SCC มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 19,317 ล้านบาท ราคาดีดขึ้นในนาทีสุดท้ายจากที่ลงไปต่ำแถว 454 บาท ขึ้นมาปิดที่ 460 บาท ยังคงลดลง 8 บาทหรือ 1.71% แต่ที่มีแรงขายมากเป็นพิเศษกระจุกอยู่ในกลุ่มแบงก์ SCB จากราคาที่ปรับตัวขึ้น 129 บาท กลับมาปิดเท่ากับวันก่อนที่ 127.50 บาท ส่งผลต่อเนื่องถึง BBL ถูกขายอย่างรุนแรง กดราคาปิดที่ 194.50 บาท ร่วง 5 บาทหรือ 2.51%