HoonSmart.com>>”ราช กรุ๊ป” มุ่งขยายธุรกิจไฟฟ้าสู่ระบบสาธารณูปโภค ตั้งเป้าปี 66 มีสัดส่วนลงทุนระบบงานสาธารณูปโภค 20% พร้อมมองหาโอกาสเติบโตจากธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ตั้งงบลงทุนปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท โครงการผลิตไฟฟ้า IPP เจรจาใกล้จบ ส่วนผลิตไฟฟ้าต่างประเทศสรุปไตรมาส 2 นี้
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป (RATCH)เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้างบลงทุนปีนี้ 1-2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าในประเทศ SPP และ IPP 2 โครงการ โดยในส่วนของ IPP เจรจาใกล้จบแล้ว ส่วนผลิตไฟฟ้าต่างประเทศไตรมาส 2 นี้น่าจะสรุป 2 โครงการ คาดว่าปีนี้จะสรุปเรื่องการลงทุนได้ 5-6 โครงการ
ในส่วนของระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานมีงานโครงการรถไฟฟ้า ส่วนขยายสายสีชมพู เหลืองและโครงการรถไฟฟ้าของรฟม.และกทม. ส่วนของมอเตอร์เวย์ มี 2 สายที่จะดำเนินการ ได้แก่ สายบางปะอิน-โคราช 196 กิโลเมตรและบางใหญ่ กาญจนบุรี 90 กิโลเมตร ซึ่งยังมีโอกาสอีกมาก ตามแผนพัฒนาประเทศจะมีการลงทุนในมอเตอร์เวย์และถนนรวม 6,000 กิโลมตร
นายกิจจา กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายฐานจากธุรกิจไฟฟ้าไปสู่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยตั้งเป้าสัดส่วนลงทุนอยู่ที่ 80% และ 20% ตามลำดับ ของพอร์ตลงทุนทั้งหมดในปี 2566 ทำให้โครงสร้างรายได้มาจากในประเทศและต่างประเทศ 50% ต่อ 50% และกำลังการผลิตติดตั้ง 10,000 เมกะวัตต์ มูลค่ากิจการ 2 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นพลังงานทดแทน 2,000 เมกะวัตต์
“ราชบุรีมีพันธมิตรที่แข็งแรงและเป็นลูกของกฟผ. ซึ่งกฟผ.มีโอกาสในการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 8 แห่ง ก็เป็นโอกาสของบริษัท โดยในส่วนของในประเทศ มี 2 โครงการ ส่วน 6 โครงการที่กำลังศึกษาและจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ลาวและเวียดนาม”นายกิจจา กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ มีโอกาสในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต IOT และโทรคมนาคม จะทำให้บริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้า
ปี 2562 บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้า 3 แห่งที่จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แระลรับรู้รายได้ กำลังการผลิตติดตั้งตามการถือหุ้นรวม 179.73 เมกกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินส์วิลล์ ออสเตรเลีย โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเซเปียน เซน้ำน้อยในสปป.ลาว ส่วนโครงการที่อยุ่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 โครงการรวม 488.79 เมกะวัตต์
“ทุกปีบริษัทฯ จะต้องเพิ่มกำลังการผลิตอย่างน้อย 700 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าที่จะหมดไป 7-8 ปี โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 6,860.34 เมกะวัตต์ และปีนี้จะรับรู้รายได้ 179.73 เมกะวัตต์และกำลังพัฒนา 486.79 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานมีรถไฟฟ้าสาายสีชมพู-เหลือง น้ำประปาที่ลาว ส่วนการบริหารการจัดการกำลังคุยกับพันธมิตรในอาเซียน”นายกิจจา กล่าว