HoonSmart.com>>”อุปกิต ปาจรียางกูร-สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ” รับตำแหน่ง สว. ล้างพอร์ตหุ้นขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ อดีตประธานตลาดหลักทรัพย์ และผู้ถือหุ้นสัดส่วน 5.86 % ในบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) และนายอุปกิต ปาจรียางกูร ผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 24.09 % ของบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามมาตรา 269 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยอยู่ลำดับที่ 187 และ 248 ตามลำดับ จากจำนวนทั้งหมด 250 คน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
การรับตำแหน่ง สว. ของบุคคลทั้ง 2 ดังกล่าว มีผลให้ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท QTC และ UPA ออกทั้งหมด ซึ่ง นายสถิตย์ แจ้งสำนักงานก.ล.ต.รายงานขาย QTC 5.86 % และ นายอุปกิต รายงานขาย UPA ออกทั้งหมด 24.09 % ให้ Capatal Asia Investments ซึ่งเป็นกองทุนไพรเวทฟันด์ ในสิงคโปร์ บริหารหุ้นทั้งหมดแทน รวมทั้งลาออกทุกตำแหน่งในบริษัทที่ถือหุ้น เพื่อขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน
ทั้งนี้ นายอุปกิต ได้ขายหุ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯบนกระดาน (Big Lot) รวม 1,700 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24% ของหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ UPA ซึ่งราคาเสนอขายใกล้เคียงกับราคาบนกระดาน ขณะเดียวกันได้ขอลาออกจากตําแหน่ง กรรมการ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UPA มีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2562 โดยบริษัทฯ แต่งตั้งนายวิชญ์ สุวรรณศรี จากรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านบัญชีและการเงิน เป็นรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านบัญชีและการเงิน มีผลในวันเดียวกัน
ด้านนายอุปกิต ปาจรียางกูร เปิดเผยถึงสาเหตุที่ลาและขายหุ้น UPA ออกไป เนื่องจากต้องการแสดงให้เห็นความโปร่งใส สร้างบรรทัดฐาน และธรรมาภิบาลที่ดี ก่อนเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ว.)
อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ เนื่องจาก UPA ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งมีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ประกอบกับมีผู้บริหารและทีมงานที่เป็นมืออาชีพ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธรกิจให้กลับมาเทิร์นอะราวด์ ตามแผนที่วางเอาไว้
ทั้งนี้ UPA ได้วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2562 กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโซลาร์สหกรณ์การเกษตรทั้ง 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ อ.กระแสสินธุ์ ,โครงการสหกรณ์การเกษตรวิเชียรบุรี และโครงการสหกรณ์การเกษตรกะทูน กำลังการผลิตรวม 7.95 เมกะวัตต์ ทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามามีอัตรารับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 4.12 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ประมาณ 48 ล้านบาท/ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการน้ำประปาแสนดินใน สปป. ลาว สัมปทาน 50 ปี กำลังการผลิตรวม 48,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ที่จะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายน้ำในเร็วๆนี้ รวมทั้งยังมองหาโอกาสในการลงทุนพลังงานทางเลือกใหม่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการเติบที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ
อ่านประกอบ
“สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์”ขายหุ้น QTC ยกล็อต 5.86% ให้ “พิริยะ ธานีรณานนท์”
“อุปกิต ปาจรียางกูร” บิ๊กล็อต UPA เกลี้ยง 24.096% ให้ Capital Asia