ชวนซื้อกอง TFFIF-ABPIF บล.กสิกรฯ คาดได้เกิน 5-10% ต่อปี

HoonSmart.com>>หุ้นเสี่ยง ดอกเบี้ยต่ำ หาซื้อหุ้นกู้ไม่ได้ บล.กสิกรไทยแนะนำให้ซื้อกองทุนTFFIF คาดจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 5.5% ต่อปี นาน 29 ปี ลุ้นราคาเพิ่มขึ้นหลังซื้อสินทรัพย์ใหม่เข้ากอง  ให้เป้าหมาย 13.31 บาท ส่วนนักลงทุนระยะสั้น 3 ปี มีโอกาสได้ 10%ต่อปี ABPIFใกล้หมดอายุ แนวโน้มหุ้นเดือนพ.ค. ลุ้นการเมืองชี้นำ กรณีไม่ชัดเจน ดัชนีแกว่งแถว 1,575-1,580 จุด ชอบกลุ่มพาณิชย์ CPALL,BJC,HMPRO ส่วนเกษตร CPF โดดเด่นมาก  กำไรไตรมาส 1 พุ่งแรง รับเหมาฯแนะนำ STEC ปิโตรเคมี SCC แม้คาดว่าสเปรดจะต่ำถึงไตรมาส 3 ก็ตาม แบงก์ใหญ่ BBL นิคมฯ ยก AMATA และกลุ่มการบิน ต้อง AOT

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า บล.กสิกรไทยเริ่มแนะนำให้ลูกค้ามาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จากมุมมองการลงทุนเป็นบวก และเป็นแหล่งหลบภัยที่ดี คาดว่าตลาดหุ้นจะผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ จะหันไปลงทุนในหุ้นกู้ นักลงทุนทั่วไปก็จองซื้อได้ยาก และดอกเบี้ยเงินฝากต่ำอีกนาน กองทุนประเภทนี้ นอกจากให้อัตราผลตอบแทนที่สูง และยังมีสภาพคล่องสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้

โดยเฉพาะกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ( TFFIF) มีกระแสเงินสดที่มั่นคง จากสินทรัพย์ที่เป็นทางด่วน มีรายได้แน่นอนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปริมาณจราจร 2% และค่าผ่านทางอีก 2% แถมปลอดหนี้ คาดให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5.5% ต่อปี และยังมีแผนเพิ่มมูลค่ากองจาก 4.5 หมื่นล้านบาทเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท จะมีการนำมอเตอร์เวย์อีก 2 สายเข้ามา หากคิดมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ราคาหน่วยเพิ่มขึ้นได้ราว 3.05บาท บล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 13.31 บาท/หุ้น

นอกจากนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน(JASIF)ผลตอบแทนปันผลน่าดึงดูดที่ 9% ต่อปี อายุสัญญา 8 ปี โดยมีโอกาสมากในการเพิ่มสินทรัพย์ เพิ่มผลตอบแทนเป็น 10% อายุสัญญาขยายเป็น 13 ปี สินทรัพย์ใหม่เข้ามาจะเพิ่มราคาหน่วยอีก 2 บาท บล.กสิกรไทยให้ราคาเป้าหมาย 11.21 บาท

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนสั้น 3 ปี กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ก็น่าสนใจ ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท คาดจะให้ผลตอบแทนประมาณ 10% เพราะจะหมดอายุในอีก 3 ปีข้างหน้า ต้องคืนเงินต้น รวมถึงผลตอบแทนปันผล ปัจจุบันตลาดให้อัตราส่วนลดมากเกินไปจากเรื่องสภาพคล่องการซื้อขายที่ต่ำของกองทุน

ส่วนกองทุนตัวอื่น ปัจจัยพื้นฐานดี แต่บางกองทุน ราคาตลาดขึ้นมาสูงมาก จึงแนะนำให้ ถือ หรือขาย เช่น EGATIF มีเป้าหมายการจัดตั้งกองทุนเหมือน TFFIF แต่มีโอกาสไม่มากในการเพิ่มสินทรัพย์ใหม่ และอัตราผลตอบแทนต่ำที่ 2.84% ปัจจุบันในระบบมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 7 กอง มูลค่าสินทรัพย์รวมประมาณ 4.5 แสนล้านบาท

ทางด้านนายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าหากการเมืองมีความชัดเจน าจะเป็นแรงส่งให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นต่อ แต่หากไม่แน่นอน จะเป็นตัวฉุดให้ดัชนีปรับตัวลง 1,575-1,580 จุด ได้  ปีนี้คาดเศรษฐกิจจะโต 3.8% ส่งออกขยายตัว 3%  ส่วนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)งวดไตรมาส 1 น่าจะออกมาอย่างที่คาด หากดีกว่าที่ประมาณการไว้ ก็จะมีส่วนช่วย และปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวก็ ทำให้ตลาดดีขึ้น ซึ่งบล.กสิกรไทยยังมีความมั่นใจว่าดัชนีปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าอยู่ที่ 1,750 จุด

ส่วนคำแนะนำการเลือกซื้อหุ้น บล.กสิกรไทยชอบกลุ่มค้าปลีกได้รับประโยชน์จากการเลือกตั้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะนำหุ้น CPALL, BJC และ HMPRO รวมไปถึงกลุ่มสินค้าเกษตร CPF ราคาหมูแพงขึ้น กำไรไตรมาส 1 จะออกมาดีมาก ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ชอบ STEC มากที่สุด เพราะไม่ได้ทำธุรกิจรับเหมาเพียงอย่างเดียว รวมถึงรัฐฐาลจะมีการเร่งประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมา และกลุ่มปิโตรเคมี ชอบ SCC แม้ว่ายังได้รับผลกระทบจากสเปรดที่แคบลงนานถึงไตรมาส 3ก็ตาม แต่ราคาหุ้นกลับไม่ปรับตัวลงอย่างที่กังวล

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ชอบแบงก์ใหญ่ BBL นิคมอุตสาหกรรมต้อง AMATA และกลุ่มการบิน AOT จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้จะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป คงประมาณการการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ที่ 6.3%