HoonSmart.com>>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมากดดันผ่านทวิตเตอร์ให้ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดลดดอกเบี้ยลง 1% รวมทั้งให้นำมาตรการผ่อนคลายทางการเงินหรือ QE กลับมาใช้ใหม่
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความว่า “จีนได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ แต่ธนาคารกลางของเรากลับปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่อง แม้เงินเฟ้อจะต่ำมาก อีกทั้งยังลดเงินทุนสำรองลง(quantitative tightening) เรามีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างมาก หากลดดอกเบี้ยลง สัก 1% และใช้มาตรการ QE เราก็จะโตได้ถึง 3.2% อีกทั้งเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับต่ำ เราก็จะเติบโตสูงสร้างสถิติใหม่ ขณะเดียวกันภาระหนี้ก็จะลดลง”
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและที่ปรึกษาเศรษฐกิจ อย่าง นายลาร์รี่ คุดโลว์เรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%
ธนาคารกลางสหรัฐตั้งเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25-2.5% และนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นแล้ว 9 ครั้ง แต่ในเดือนมีนาคมได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้ความอดทนในการปรับอัตราเบี้ย ซึ่งอาจจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยอีกในปี 2562 นี้
ทั้งนี้หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์กดดัน จะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงไปอยู่ที่ระดับของปี 2560
ในช่วงวิกฤติการเงินปี 2551 และหลังจากนั้น เฟดได้ใช้มาตรการ QE อัดฉีดเงินเข้าระบบ 3 ครั้ง เพื่อดึงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวลง ซึ่งมีผลให้กระแสเงินไหลเข้าตลาดหุ้นและตราสารหนี้เอกชน
ขณะนี้ยังไม่มีสัญญานที่เฟดจะใช้มาตรการ QE อีก แต่นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารกลางสาขาเซนต์หลุยส์ได้เปิดแนวคิดการซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งให้ผลในทำนองเดียวกับ QE