TOP คาดราคาน้ำมันทรงตัว รัสเซียส่งซิกไม่ยืดเวลาลดกำลังผลิต

HoonSmart.com>>”ไทยออยล์” คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ทรงตัว หลังรัสเซียส่งสัญญาณไม่ขยายเวลาปรับลดกำลังผลิตสิ้นสุดเดือนมิ.ย.นี้ ประเมิน “เวสต์เท็กซัส” เคลื่อนไหวกรอบ 61 – 66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เบรนท์ 68 – 73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ (TOP) ประเมินแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (22 – 26 เม.ย. 62) มีแนวโน้มทรงตัว หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของรัสเซีย หลังรัสเซียส่งสัญญาณที่จะไม่ขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตหลังข้อตกลงจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 62 นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบยืนตัวในระดับสูงและอุปสงค์จากโรงกลั่นในประเทศปรับเพิ่มขึ้นหลังกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากอุปทานที่ยังคงตึงตัวจากความร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตจากกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร รวมถึงการส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาและอิหร่านที่ปรับตัวลดลงจากผลของมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ประกอบกับ เหตุปะทะในลิเบียที่ยังปะทุอย่างต่อเนื่องซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบที่ตึงตัว

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ โดยตลาดจับตาเกี่ยวกับการตัดสินใจที่จะไม่ขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของรัสเซีย หลังข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตจะยุติลงในเดือน มิ.ย. 62 เนื่องจากรัสเซียต้องการเพิ่มการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดจากสหรัฐฯ

นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. 62 ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 12.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก โดยซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มโอเปกได้ปรับลดกำลังการผลิตสูงสุด โดยในเดือน มี.ค. 62 กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตกลงไว้ที่ระดับ 10.31 ล้านบาร์เรลต่อวัน

การส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาและอิหร่านปรับตัวลดลง หลังถูกกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทั้งนี้การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านเฉลี่ยในเดือน เม.ย. 62 ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ หลังมาตรการผ่อนปรนการส่งออกน้ำมันดิบสำหรับบางประเทศจะสิ้นสุดในช่วงต้นเดือน พ.ค. 62

ส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบียส่งผลให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่อาจปรับตัวลดลง โดยการสู้รบระหว่างกองกำลังของพลเอกคาลีฟา ฮัฟตาร์ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติลิเบีย กับกองกำลังของรัฐบาลลิเบีย ยังคงปะทะกันอย่างหนัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 120 คน

ด้านปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ เริ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิตหลังจากหยุดดำเนินการในช่วงปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. 62 ปรับตัวลดลงไปแตะที่ระดับ 455 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมาปรับตัวลดลง 1.54 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงราว 1.2 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงราว 0.36 ล้านบาร์เรล

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสหรัฐฯ (จีดีพี) ไตรมาส 1 ปี 62 นโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น และอัตราการว่างงานสหรัฐฯ เดือน เม.ย. 62