ผู้ถือหุ้น MTC ไฟเขียวออกหุ้นกู้ไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท รองรับการขยายงาน พร้อมปันผล 26 สตางค์/หุ้น บิ๊กบอส “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” มั่นใจปี 62 สินเชื่อ-รายได้-กำไร All Time High ต่อเนื่อง ด้านบอร์ดมีมติแก้ไขนโยบายเงินปันผลจากไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรจากงบเฉพาะกิจการบริษัท เป็นไม่เกิน 50%
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ และนาโนไฟแนนซ์เบอร์หนึ่งของเมืองไทย เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2561 หุ้นละ 0.26 บาท จ่ายวันที่ 15 พ.ค.นี้
นอกจากนี้อนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ วงเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท รวมวงเงินเดิมไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
สำหรับหุ้นกู้ มีอายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งจะพิจารณาจากสภาวะตลาดและความจำเป็นในการใช้เงิน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ เป้าหมายออกหุ้นกู้ เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อ ตั้งเป้าเติบโต 35% สร้างรายได้ และกำไร สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ MTC มีความพร้อม ปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ของสินเชื่อส่วนบุคคล (P-loan) แบบมีหลักประกัน ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับ MTC ปัจจุบันบริษัทฯ มี P-Loan ทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรถจักรยานยนต์
สำหรับเกณฑ์ใหม่ กำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้ที่ 28% โดยปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีช่องว่างในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
นอกจากนี้ ครึ่งหลังของปีนี้ MTC เตรียมเปิดตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ผ่านบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยใช้ฐานข้อมูลจากลูกค้าที่ขอสินเชื่อทะเบียนรถที่มีกว่า 1 ล้านราย ทั่วประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2561 MTC มีรายได้รวม 10,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,945 ล้านบาท หรือ 39.42% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 7,471 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,212 ล้านบาท หรือ 48.46% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,501 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นับตั้งแต่ MTC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2557 ทำให้บริษัทฯมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ
ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ(บอร์ด)มีมติเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผล จากเดิมในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ แก้ไขเป็นในอัตราไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการจ่ายเงินปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแผนการขยายธุรกิจ สภาพคล่อง ความจำเป็นและความ
เหมาะสมอื่นๆ ในอนาคต