HoonSmart.com>>BDMS คาดรายได้ปีนี้โต 6-8% ค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม รักษาเฉพาะทางมากขึ้น คนไทยซื้อประกันเพื่อรักษาสุขภาพหนุนได้ลูกค้าใหม่ในต่างจังหวัด
นางนฤมล น้อยอ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโต 6-8% หรือประมาณ 2 เท่าของจีดีพี โดยเป็นการเติบโตจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศซึ่งมีลูกค้าในต่างจังหวัดมาใช้บริการเพิ่มขึ้น มีการซื้อประกันสุขภาพ เฮลธ์ ชัวรันส์ ส่วนต่างประเทศก็เติบโต ทำให้สัดส่วนลูกค้าคนไทย 70% ต่างชาติ 30% แต่ค่าบริการสูงขึ้น ส่วนหนึ่งนอกจากปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังมีการใช้บริการรักษาโรคเฉพาะทางในศูนย์แห่งความเป็นเลิศ เช่น ด้านหัวใจ สมอง ทำให้ผลดำเนินงานในปีนี้ดีขึ้น เมื่อรวมกับกำไรจาการขายหุ้นโรงพยาบาลรามคำแหงประมาณ 6000 ล้านบาท
ส่วนเรื่องของการลงทุนตั้งงบไว้ประมาณ 8-10% ของรายได้ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเงินมาซื้อเครื่องมือใหม่และขยายปรับปรุงโรงพยาบาล โดยปัจจุบันมี 47 โรง และจะเปิดเพิ่มอีก 1 โรงในปีนี้ จะถึงเป้าหมาย 50 โรงในปี 2564 ตามแผนงาน
ส่วนบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลีนิก ศูนย์สุขภาพครบวงจร ได้รับความสนใจมาก โดยมีทั้งคนไทยและต่างประเทศ จากจีน พม่าและตะวันออกกลาง เนื่องจากคนเริ่มใส่ใจดูแลสุขภาพก่อนป่วย ส่วนโรงแรมที่จะเปิดให้บริการได้ในกลางเดือนพ.ค. ซึ่งไม่เหมือนโรงแรมธรรมดา แตจะมีโปรแกรมดูแลสุขภาพ สมอง โดยคนที่จะเข้ามาพักประมาณ 5-7 วัน ซึ่งแนวโน้มตลาดต่างประเทศน่าจะดี
“ปัจจุบันคนไทยและคนต่างประเทศจะดูแลสุขภาพก่อนป่วย 30% อนาคตจะเพิ่มเป็น 50% ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเติบโตของบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลีนิก ศูนย์สุขภาพครบวงจร”นางนฤมล กล่าว
ส่วนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันนี้ (12 เม.ย.62) ผู้ถือหุ้นมีการซักถามมากถึงภาระการตั้งสำรองกรณีที่ศาลตัดสินให้บริษัทต้องปฏิบัติตามข้อตกลงโครงการไลฟ์ พริวิเลจคลับ ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองไว้สูงสุดแล้วตามคำตัดสินของศาล โดยขณะนี้คดัยังไม่ถึงสิ้นสุด
นางนฤมล กล่าววา ในส่วนของหุ้นกู้แปลงสภาพก่อนหน้าบริษัทฯ ได้ออกอายุ 5 ปี ก็เชื่อว่าปีนี้เป็นปีที่ 5 คนจะมาแปลงทั้งหมด เพราะราคาแปลงสภาพอยู่ที่ 21 บาทเศษ แต่ราคาในกระดานสูงกว่านี้ ทำให้บริษัทฯประหยัดต้นทุนทางการเงิน ก่อนหน้านี้แปลงสภาพแล้ว 3,981 ล้านบาท ประหยัดค่าใช้จ่าย 200 ล่านบาท คาดว่าจะแปลงทั้งหมดประหยัด 100 กว่าล้านบาท ซึ่งหุ้นรองรับการแปลงสภาพได้ขออนุมัติผูัถือหุ้นไว้แล้ว
ส่วนกรณีบริษัทฯ ใช้เงิน 6 พันล้านบาท ลงทุนในหุ้นยำรงรุษณร์ สัดส่วน 24% โดยไม่ได้ส่วตัวแทนเข้าไปบริหาร เพราะเป็นการลงทุนทางการเงิน เพื่อต้องการเงินปันผลและรับรู้กำไรทางบัญชี เพราะการถือหุ้นเกิน 20% สามารถที่จะรับรู้กำไรและอีกส่วนจะได้รับกำไรจากราคาหุ้น รวมถึงความร่วมมือในการส่งต่อผู้ป่วย ส่วนปันผลก็ยังคงยืนยันที่จะจ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของงบกำไรรวม