STEC แข็งแกร่ง เพิ่มรายได้ค่าเช่า เสริมรับเหมาฯ

HoonSmart.com>>STEC ควงคู่ U ราคาปรับตัวขึ้น นักวิเคราะห์มองบวก ซิโน-ไทย ได้รายได้ประจำและงานโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์  มีเงินสด 1 หมื่นล้านบาท ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน  ส่วน  ยู ซิตี้  ตัวเบาขึ้น มีเงินใช้คืนแบงก์  หลังแบกหนี้ 2 หมื่นล้านบาท  คาดขายหมอชิตแลนด์ มีกำไร 1,000 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันที่ 11 เม.ย. นักลงทุนให้ความสนใจซื้อหุ้นบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น(STEC)ส่งผลให้ราคาบวก  0.40 บาทหรือ 1.63% ซื้อขายที่ 24.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายถึง 596 ล้านบาท และบริษัท ยู ซิตี้(U) ขึ้นไปสูงสุดที่ 2.56 บาท ก่อนย่อมาซื้อขายบริเวณ 2.46 บาทบวก 0.02 บาท หลังจากขายหุ้นบริษัท หมอชิต แลนด์ ให้ STEC เพื่อนำที่ดินของบริษัทไปพัฒนาโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์

บล.โนมูระพัฒนสินแนะนำซื้อ STEC มูลค่าเหมาะสม 28 บาท มีมุมมองบวกต่อการซื้อหุ้น บริษัท หมอชิต แลนด์ สร้างรายได้ประจำจากค่าเช่าออฟฟิศที่มีแนวโน้มมั่นคงกลับมาในอนาคต คาดบริษัทมีโอกาสได้งานก่อสร้างราว 6,000 – 7,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี จากการพัฒนาโครงการ หมอชิต คอมเพล็กซ์ และคาดมีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในระยะยาวหากมีการขายหุ้นดังกล่าวในอนาคต

บริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน สำหรับการลงทุนในโครงการมูลค่า 12,110 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4 ปี  สัดส่วน ดี/อี 60 ต่อ 40 เท่ากับใช้เงินส่วนทุนทั้งหมด 4,844 ล้านบาท STEC มีเงินสดรองรับเพียงพอ  ณสิ้นปี 2561 มีเงินสดประมาณ 7,222 ล้านบาท

บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29.25 บาท/หุ้น โดยยังไม่รวมโครงการลงทุนหมอชิต คอมเพล็กซ์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนการปรับธุรกิจของ STEC จากปัจจุบันที่ต้องพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นหลัก

บริษัทฐานะการเงินที่แข็งแกร่งอย่างมากมีเงินสดในมือกว่า 1 หมื่นล้านบาท อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 4,600 ล้านบาท ที่พร้อมแปลงสภาพเป็นเงินสดเมื่อจำเป็น รวมถึงการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท ทำให้ STEC มีศักยภาพมากพอที่จะนำเงินส่วนเกินไปลงทุนโครงการที่มีลักษณะเป็นรายได้ประจำ

“STEC ได้รับเลือกเป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มรับเหมา จาก 3 จุดเด่นสำคัญ ได้แก่ 1. STEC มีมูลค่างานในมือรอรับรู้สูงถึง 1.05 แสนล้านบาท รองรับรายได้ 3 ปีข้างหน้า 2. ประสิทธิภาพการทำกำไรที่สูงกว่าคู่แข่ง โดยมีอัตรากำไรสุทธิ สูงถึง 5-6% และ 3. ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ดำรงสถานะ Net Cash ไม่มีความเสี่ยงจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น”บล.เอเซียพลัสระบุ

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ STEC ราคาพื้นฐาน 31 บาท  ดีลนี้คาดว่าจะเป็น Win-Win เพราะ STEC มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท จึงใช้เงินกู้น้อย และมีกลยุทธ์ต้องการรายได้ค่าเช่ามาช่วยกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจหลักคือรับเหมาก่อสร้าง

ส่วน U มีภาระหนี้เงินกู้ ณ สิ้นปี 2561 ที่ 2.03 หมื่นล้านบาท บริษัทจะนำเงินจากการขายหุ้นได้ 4,320 ล้านบาทบางส่วนไปคืนหนี้และบางส่วนไปลงทุน คาดว่าจะมีกำไรเบื้องต้นประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือ 0.001 บาทต่อหุ้น แต่ระวังแรงขายเมื่อหมดข่าว เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจากนี้ยังเห็นว่าบริษัทแม่ของ U คือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) จะได้ประโยชน์จากกำไรตามส่วนได้เสียที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นต่อหุ้นที่ 0.08 บาทหรือ 1% เทียบราคาหุ้น แต่ราคาพื้นฐานไม่กระทบ เพราะเป็นรายการไม่ใช่เงินสด แนะนำ “ถือ” BTS  ราคาพื้นฐาน 11.07 บาท