กองเฮลธ์แคร์ KTAM 3 เดือนกำไร 13.6% ชูเทรนด์โลกหนุนโตต่อเนื่อง

HoonSmart.com>>บลจ.กรุงไทย แนะลงทุนระยะยาว Healthcare จูงใจทั่วโลกหันรักสุขภาพหนุนเติบโตต่อเนื่อง “Janus Global Life Sciences” ผู้จัดการกองทุนหลักชี้แนวโน้ม Healthcare ปีนี้แข็งแกร่ง โชว์ผลงานกองทุน KT-Healthcare และ KT-Healthc RMF ติดแถวหน้า 3 เดือนแรกผลตอบแทน 13.65% ย้อนหลัง 3 ปีเฉลี่ย 9.80%

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่ม Healthcare มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนที่อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทก็ให้ผลตอบแทนที่ดี อยู่ในอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ (KT-Healthcare)และกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-Healthc RMF)

สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน KT- Healthcare ณ วันที่ 29 มีนาคม 2562 ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (2 ม.ค.-29 มี.ค.) อยู่ที่ 13.65% ส่วน 1 ปี อยู่ที่ 10.56% และ 3 ปี อยู่ที่ 9.80% เทียบกับ Benchmark ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 7.18% ส่วน 1 ปี อยู่ที่ 14.35% และ 3 ปี อยู่ที่ 6.25%

ส่วนกองทุน KT-Healthc RMF ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 13.55% ส่วน 1 ปี อยู่ที่ 10.04% และ 3 ปี อยู่ที่ 9.13% เมื่อเทียบกับ Benchmark ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 7.18% ส่วน 1 ปี อยู่ที่ 14.35% และ 3 ปี อยู่ที่ 6.25%

ทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Janus Global Life Sciences Fund (Master Fund) กองทุนมีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างๆ ทั่วโลก ที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ( Life Sciences) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรักษาหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิต

หุ้นกลุ่ม Healthcare ประกอบด้วย กลุ่มยา (pharmaceuticals) กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ (biotechnology) กลุ่มเครื่องมือแพทย์ ( medical products)กลุ่มประกันสุขภาพ (medical insurance) กลุ่มโรงพยาบาล คลินิค สถานดูแลผู้ป่วย / ผู้สูงอายุ (pharmaceutical services )และกลุ่ม เวชสำอาง ดังนั้น Healthcare จึงถือเป็นหุ้นกลุ่มที่มีการกระจายตัวการลงทุนที่หลากหลาย และสร้างผลตอบแทนโดดเด่นในช่วง10 ปีที่ผ่านมา เพราะแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน อันเป็นผลจากปัจจัยสนับสนุนเชิงโครงสร้างหลายประการ เช่น คนอายุยืนขึ้น ประชากรสูงวัยมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ความปลอดภัยด้านสุขภาพ/อาหาร ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี การใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น แนวโน้มเหล่านี้น่าจะยังคงดำเนินต่อไป และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในกลุ่ม Healthcare อย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว

ด้านนายแอนดี้ แอคเคอร์ ผู้จัดการร่วมของกองทุน Janus Global Life Sciences กล่าวถึง โอกาสลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เขาเชี่ยวชาญ ว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม Healthcare มีการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วของนวัตกรรม ปีที่ผ่านมาองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ อนุมัติยา 59 รายการ ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในช่วง 2 ปีล่าสุด ยารักษาโรคกว่า 100 รายการได้รับการอนุมัติ และผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งเพิ่งเริ่มวางตลาด น่าจะเพิ่มการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าวในอีกหลายปีข้างหน้า

การควบรวมกิจการในกลุ่ม Healthcare มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปในปี 2019 เพราะบริษัทในกลุ่มฯ มีเงินสดมาก อันเป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดการณ์ได้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเพิ่มการใช้จ่าย เพราะปกติก็มักจะแสวงหาการลงทุนและโอกาสใหม่ๆอยู่แล้ว ในไตรมาสแรกของปี 2019 มีธุรกรรมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถูกประกาศออกมาหรือจบดีลได้ ทั้งหมดตกลงกันที่ราคาพรีเมี่ยมตั้งแต่ 50% ถึงกว่า 100%

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2019 น่าจะได้เห็นผลการศึกษาเกี่ยวกับ ภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) เพื่อสู้กับโรคมะเร็ง และ พันธุกรรมบำบัด (genetic therapies) ตัวใหม่ๆ ขณะที่ บริษัทเครื่องมือแพทย์ น่าจะก้าวหน้าไปกับ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด และเครื่องมือใหม่ๆที่ช่วยแก้ปัญหาหัวใจผิดปกติ

“แนวโน้มโครงสร้างประชากร ยังคงสนับสนุนการเติบโตของกลุ่ม Healthcare ในสหรัฐฯ มีคนฉลองวันเกิดครบ 65 ปี เฉลี่ยวันละมากกว่า 1 หมื่นคน ตัวเลขนี้สำคัญเพราะผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี ใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพคิดเป็น 3 เท่าของผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 65 ปี เราเชื่อว่า ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกอบกับนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น น่าจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงของความต้องการดูแลสุขภาพ”นายแอนดี้ แอคเคอร์ กล่าว

ทั้งนี้ อนาคตของกลุ่ม Healthcare ยังคงแข็งแกร่งในปี 2019 งบดุลที่แข็งแรง ตลอดจนความก้าวหน้าด้านนวัตกรรม น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นและดึงดูดความสนใจของนักลงทุน